|
วันจันทร์ที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2555
สวนสนุกสไตล์ฮอลแลนด์ (Huis Ten Bosch )
วันอาทิตย์ที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2555
นาซาเผยภาพน้ำแข็งเกาะกรีนแลนด์ละลายกว้าง97%
นาซา เผยภาพดาวเทียม พบปรากฏการณ์น้ำแข็งละลายครั้งใหญ่บนเกาะกรีนแลนด์ 4 วัน กินพื้นที่ 97% ผู้เชี่ยวชาญเชื่อไม่ใช่เรื่องปกติ
แม้เหตุการณ์น้ำแข็งละลายจะเกิดขึ้นทุกปี บนเกาะกรีนแลนด์ ซึ่งไม่นานน้ำแข็งที่ละลายจะกลับมาแข็งตัวเหมือนเดิมอีกครั้ง แต่ล่าสุด หลังเว็บไซต์องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ สหรัฐอเมริกา หรือ นาซา เปิดเผยข้อมูลภาพดาวเทียม Oceansat-2 ขององค์การวิจัยอวกาศอินเดีย (ISRO) พบว่าน้ำแข็งขนาดใหญ่ของกรีนแลนด์ละลายอย่างรวดเร็ว กินพื้นที่เป็นวงกว้างเพิ่มขึ้นจาก 40% เป็น 97% ภายในเวลาแค่ 4 วัน คือวันที่ 8 - 12 ก.ค. และยังเกิดขึ้นในจุดที่มีความหนาวเย็นที่สุด และสูงที่สุดของเกาะ "ซัมมิต สเตชัน" อีกด้วย จึงนับว่าเป็นปรากฏการณ์แผ่นน้ำแข็งละลายครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 30 ปี ซึ่งผู้เชี่ยวชาญต่างพากันมองว่าเหตุการณ์ครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องปกติอย่างแน่นอน
นายวาลีด อับดาลาติ หัวหน้านักวิทยาศาสตร์ของนาซา ระบุว่า เมื่อนาซาพบการละลายในจุดที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในช่วงระยะเวลาหนึ่ง ทำให้หลายฝ่ายตั้งคำถามว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น และเป็นสัญญาณสำคัญที่ชี้ให้เห็นว่าสิ่งที่เราคาดคิดกำลังจะมาถึง อย่างไรก็ตาม การละลายที่กินพื้นที่กว้างเช่นนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้ว นาซาจึงยังไม่สามารถวิเคราะห์ได้ว่านี่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ แต่เกิดขึ้นนานๆ ครั้ง หรือเกิดขึ้นจากการกระทำของมนุษย์กันแน่
แหล่งที่มาข้อมูล : http://www.ryt9.com/s/iqry/1453252
วันศุกร์ที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2555
10 วิธีแก้ง่วงยามบ่าย
ที่เรามักรู้สึกง่วงหลังจากกินอาหารมื้อกลางวัน เป็นเพราะระหว่างที่อวัยวะภายในกำลังย่อยหรือดูดซึมอาหาร เลือดส่วนใหญ่ถูกลำเลียงลงมาสู่อวัยวะส่วนล่าง ทำให้เลือดไปเลี้ยงสมองน้อยลง การทำงานของสมองในช่วงนี้จะไม่ค่อยเฉียบไวเท่าที่ควร จนอาจทำให้งานชะงักได้ เราจึงนำเคล็ดลับแก้ง่วงยามบ่ายมาฝากกัน
1. หลีกเลี่ยงอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรต และหันไปกินอาหารที่มีโปรตีนและเส้นใยสูงแทน เช่นเวลาสั่งข้าวผัด ให้คนขายใส่ข้าวลดลง หรือก๋วยเตี๋ยวก็ใส่ผักเยอะๆ เส้นน้อนๆ
2. ลดปริมาณอาหารลง เพื่อให้ระบบการย่อยอาหารไม่ต้องทำงานหนักเกินไป และค่อยๆ เปลี่ยนเป็นพลังงานให้คุณ ถ้ากลัวไม่อิ่ม ให้เปลี่ยนไปกินปริมาณน้อยลงแต่ถี่ขึ้น
3. เดินย่อยหลังมื้อกลางวันประมาณ 5 นาที จะช่วยให้ระบบการย่อยทำงานดีขึ้นในเวลางาน หาโอกาสลุกเดินอย่างน้อยชั่วโมงละครั้งเพื่อให้เลือดไปเลี้ยงสมองและแขนขามากขึ้น
4. ลองเปลี่ยนมากินอาหารว่างที่มีประโยชน์อย่างไข่ต้ม โยเกิร์ต ธัญพืชต่างๆ (เช่นเมล็ดฟักทอง ถั่ว งา ซึ่งมีส่วนช่วยบำรุงประสาทและทำให้จิตใจแจ่มใส) งานวิจัยจากสหรัฐระบุว่า ถั่วหลายชนิดและเม็ดมะม่วงหิมพานต์มีแบคทีเรียที่สามารถกำจัดเชื้อแบคทีเรียอันเป็นสาเหตุของโรคฟันผุ และยังสามารถประยุกต์ใช้กับโรคอื่นๆ ได้อีก เช่น กำจัดเชื้อโรคที่พบในสิว วัณโรคและโรคเรื้อน
5. หลีกเลี่ยงของว่างที่มีน้ำตาลสูงหรือเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนทั้งในช่วงสายและบ่าย เพราะยิ่งทำให้คุณเซื่องซึมไปกันใหญ่
6. เมื่อเริ่มรู้สึกอ่อนเปลี้ย (ง่วงระยะแรก) ลองดื่มน้ำสะอาดแก้วโตสักแก้ว พยายามจิบน้ำเปล่าตลอดวัน หรืออาจดื่มน้ำขิงก็ได้ถ้าอากาศเย็น
7. เคี้ยวอาหารให้ละเอียดขึ้นเพื่อช่วยให้ระบบการย่อยทำงานดีขึ้น แถมยังช่วยให้คุณอิ่มเร็วขึ้น (ลดความอ้วนได้อีกต่างหาก) มีสมาธิ และผ่อนคลายมากขึ้นด้วย
8. ถ้าคุณบริโภควิตามินรวมหรือวิตามินบีคอมเพลกซ์อยู่แล้ว ลองกินอาหารเสริมเหล่านี้พร้อมกับมื้อกลางวัน เพื่อให้ประโยชน์จากวิตามินช่วยบรรเทาความง่วงเหงาอีกส่วนหนึ่ง
9. นอนพักผ่อนให้ได้ 7-8 ชั่วโมงต่อคืน จำไว้ว่าถ้านอนไม่พอตอนกลางคืน ไม่ว่าอะไรก็ฉุดให้คุณตื่นยามบ่ายไม่ได้
10. การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอเป็นอีกทางที่ช่วยเติมพลังการทำงานให้คุณอย่างไม่น่าเชื่อ ทำให้คุณรู้สึกกระปี้กระเปร่า กระตือรือร้น ลองหาเวลาออกกำลังกายให้ได้อย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 ครั้ง (ครั้งละไม่ต่ำกว่าครึ่งชั่วโมง) โดยอาจเริ่มจากการวิ่ง ว่ายน้ำ ฝึกโยคะและเดินเร็ว
ที่มาข้อมูล : http://ptongma.wordpress.com
วันจันทร์ที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2555
โตเกียวดิสนีย์แลนด์ (Tokyo Disneyland)
Tokyo Disneyland - ญี่ปุ่น
| |
โตเกียวดิสนีย์ รีสอร์ท (Tokyo Disney Resort) ประกอบไปด้วย 2 ส่วนคือ โตเกียวดิสนีย์แลนด์และโตเกียวดิสนีย์ซี โตเกียว ดิสนีย์ รีสอร์ท ตั้งอยู่ที่เมือง อุระยะซึ จังหวัดจิบะ ซึ่งอยู่ใกล้กับโตเกียว โดยมีเวลาทำการ คือ 8.00 - 22.00 น. ซึ่งราคาเข้าเท่ากันทั้งโตเกียวดิสนีย์แลนด์และโตเกียวดิสนีย์ซี คือ สำหรับคนที่อายุ 18 ปีขึ้นไป ราคา 5800 เยน สำหรับเด็กที่อายุ 12 – 17 ปี ราคา 5000 เยน และสำหรับเด็กอายุ 4 – 11 ปี ราคา 3900 เยน
| |
โตเกียวดิสนีย์แลนด์ แบ่งออกเป็น 7 โซน คือ
| |
World Bazaar โซนนี้ส่วนมากเป็นร้านขายของ
| |
Adventure land เข้าไปลุยป่า เครื่องเล่นที่แนะนำ คือ Pirate of the Caribbean
| |
Western land ดินแดนแห่งโลกตะวันตก เครื่องเล่นที่แนะนำคือ Big Thunder Mountain
| |
Critter Country เครื่องเล่นที่แนะนำ คือ Splash Mountain
| |
Fantasy land ดินแดนแห่งเทพนิยาย เครื่องเล่นที่แนะนำ คือ Haunted Mansion Pooh ‘s Hunny Hunt
| |
Toontown ดินแดนตัวการ์ตูนดิสนีย์
| |
Tomorrow land ดินแดนแห่งโลกอนาคต Space Mountain, Buzz Light year’s Astro Blasters และ Micro Adventure ดูภาพยนตร์ 3 มิติ
|
มีอีก 2 อย่างที่พลาดไม่ได้ คือ Disney’s Dreams on PARADE “Moving On” เป็นพาเหรดช่วงกลางวัน เวลาการแสดงจะอยู่ระหว่าง 12.00 - 15.00 น. และ Tokyo Disneyland Electrical Parade Dream lights เป็นพาเหรดตอนกลางคืนที่ถือเป็นไฮไลต์ของดิสนีย์เลยก็ว่าได้ การแสดงจะเริ่มเวลา 19.30 น
|
Tokyo Disneyland - ญี่ปุ่น
|
Tokyo Disneyland - ญี่ปุ่น
|
Tokyo Disneyland - ญี่ปุ่น
| |
Tokyo Disneyland - ญี่ปุ่น
|
โตเกียวดิสนีย์ซี แบ่งออกเป็น 7 ส่วน คือ
|
Mediterranean Harbor เที่ยวอ่าวเมดิเตอร์เรเนียน
|
American Waterfront เครื่องเล่นที่แนะนำ คือ Tower of terror
|
Port Discovery เครื่องเล่นที่แนะนำ คือ Strom Rider
|
Mysterious Island เครื่องเล่นที่แนะนำ คือ Journey to the Center of the Earth 20,000 leagues Under The Sea
|
Lost River Delta เครื่องเล่นที่แนะนำ คือ Indiana Jones Adventure : temple of the Crystal Skull
|
Arabian Coast เข้าสู่เมืองอินเดีย เครื่องเล่นที่แนะนำ คือ Sinbad’s seven Voyages และ The Magic lamp Theater ดูภาพยนตร์ 3 มิติ ประกอบกับละครเวที
|
Mermaid Lagoon ที่น่าจะเข้าชมจะเป็น Mermaid Lagoon Theater ซึ่งเป็นละครเวที
|
Tokyo Disneyland - ญี่ปุ่น
|
Tokyo Disneyland - ญี่ปุ่น
|
Tokyo Disneyland - ญี่ปุ่น
|
Tokyo Disneyland - ญี่ปุ่น
|
Tokyo Disneyland - ญี่ปุ่น
|
Tokyo Disneyland - ญี่ปุ่น
|
ที่มาของข้อมูล : www.tourtooktee.com
วันเสาร์ที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2555
กรุงเกียวโต
เกียวโต (Kyoto)
|
เกียวโต (Kyoto)
นครแห่งนี้เป็นเมืองหลวงและที่ประทับของจักรพรรดิญี่ปุ่นมาเกือบ 1,100 ปีจำลองแบบจากนครฉางอันเป็นเมืองหลวงของจีนในสมัย ราชวงศ์ถัง ปัจจุบันคือเมืองซีอาน โดยผังเมืองเป็นรูปสี่เหลี่ยม มีถนนตัดกันเป็นรูปตารางและยังคงปรากฎหลักฐานมาจนถึงปัจจุบัน เกียวโตคือสัญญลักษณ์ความเป็นประเพณีนิยมของญี่ปุ่น เป็นพิพิธภัณฑ์มีชีวิตที่เก็บรักษาศิลปวัฒนธรรมของญี่ปุ่นไว้ เป็นเมืองใหญ่อันดับ 7 ของญี่ปุ่น มีจำนวนประชากร 1,400,000 คน
|
สถานที่สำคัญ
|
ศาลเจ้าเฮอันจิงงุ (Heian-jingu) สร้างขึ้นในปี 1895 เพื่อเป็นอนุสรณ์ครบรอบปีที่ 1100 ของเกียวโต โดยอุทิศถวายแด่สมเด็จพระจักรพรรดิองค์แรกและองค์สุดท้ายของนครแห่งนี้ แบบจำลองมาจากพระราชวังอิมพีเรียลองค์เดิม มีลักษณะสถาปัตยกรรมแบบสมัยเฮอัน ซึ่งเป็นช่วงที่ได้รับอิทธิพลจากจีนสูงที่สุด
|
เกียวโต (Kyoto)
|
เกียวโต (Kyoto)
|
วัดคิโยมิซึ (Kiyomizu-dera) มีวิหารใหญ่ตั้งอยู่บนไหล่เขา รองรับด้วยเสาไม้มหึมา โดยระเบียงอันเป็นเวทีร่ายรำนั้นยื่นชะโงกเหนือหุบเหว วัดนี้มีอายุเก่าแก่กว่านครเกียวโต สร้างในปี ค.ศ. 788 ถวายแด่พระโพธิสัตว์กวนอิม 11 พักตร์ ด้านหลังวิหารใหญ่คือศาลเจ้าจิชู (Jishu) ซี่งเป็นศาลที่รู้จักกันดีที่สุดแห่งหนึ่งในญี่ปุ่น เนื่องจากเป็นที่ประทับของเทพเจ้าแห่งความรักและความราบรื่นในชีวิตสมรสที่ศาลเจ้านี้มีหินตาบอด (เมกูระอิชิ) ซึ่งห้ามเดินข้ามแต่ถ้าสาวๆจะเดินผ่านก้อนหินที่ขนาบสองข้างนั้นต้องหลับตา เชื่อกันว่าถ้าสามารถเดินท่องชื่อคนรักในใจไปได้ไกลถึง 20 เมตรแล้ว
|
เกียวโต (Kyoto)
|
เกียวโต (Kyoto)
|
ศาลเจ้ายาซากะจินจะ (Yasaka-jinja) หรือมีอีกชื่อว่า งิอนซัง (Gion-san) เนื่องจากอยู่ใกล้ย่านงิอน มีซุ้มประตูสร้างด้วยหินแกรนิตสูง 9 เมตร จัดเป็นซุ้มประตูที่สูงที่สุดแห่งหนึ่งในญี่ปุ่น ทางด้านหลังของศาลมีทางออกสู่สวนสาธารณะมารุยามะโคเอ็น ความงามของสวนและความตระการตาของซากุระช่วงต้นเมษายนของที่นี่เป็นที่รู้จักกันดี
|
เกียวโต (Kyoto)
|
วัดนันเซนจิ (Nanzenji) ซึ่งเป็นวัดเซนที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งในเกียวโตด้วย ภายในอารามประกอบด้วยโบสถ์กลาง และโบสถ์เล็ก 12 แห่ง โดยเปิดให้เข้าชมเพียง 4 แห่ง ภายในวัดคุณก็จะสัมผัสได้ถึงปรัชญาแห่งเซน เนื่องจากความกลมกลืนของหมู่สนกับสถาปัตยกรรมวัด ศิลปะการจัดสวนอย่างลงตัว สิ่งเหล่านี้โน้มใจผู้มองให้คล้อยตาม
|
เกียวโต (Kyoto)
|
เกียวโต (Kyoto)
|
วัดงิงคะคูจิ (Ginkakuji) หรือวัดศาลาเงิน ซึ่งสร้างในปี 1489 โดยโชกุนอาชิคางะเอระ ชั้นแรกของวิหารใช้เป็นที่อยู่อาศัย มีลักษณะแบบชินเด็น ส่วนชั้นที่สองเป็นห้องบูชา เป็นพุทธศิบป์แบบจีน ภายในสวนมีเนินหินสีขาว สร้างขึ้นเพื่อให้จันทร์สะท้อนแสงอาบไล้ทั่วบริเวณ ตรงปีกตะวันออกเฉียงเหนือของวิหารก็จะได้พบกับห้องชงชาโบราณซึ่งจัดว่าเก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่น
|
ปราสาทนิโจโจ (Nijo-jo) เริ่มสร้างโดยเจ้าเมืองโอดะ โนบุนางะ ในปี 1569 โชกุนโทกุงาวะ อิเอยะสุ ผู้เป็นมิตรได้สานต่อจนสำเร็จ ปราสาทแห่งนี้มีรูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า กำแพงหินโอ่อ่าและห้องโถงสำหรับเจ้าเมืองเข้าเฝ้าโชกุนตกแต่งด้วยทองหรูหราสะท้อนถึงอำนาจโชกุนในสมัยเอโดะ ภายในปราสาทมีวังนิโนมารุ กระดานระเบียงเชื่อมหมู่อาคารของวังเป็นพื้น "นกไนติงเกล" เวลาเดินเหยียบพื้นจะมีเสียงดังเหมือนเสียงนกนี้
| |
วัดคินคะคุจิ (Kinkakuji-วัดศาลาทอง) ซึ่งรู้จักกันดีที่สุดในเกียวโต วิหารหุ้มด้วยทองคำมี 3 ชั้น โดยชั้นแรกมีลักษณะเป็นพระราชวัง ชั้นที่สองเป็นแบบบ้านซามูไร ส่วนชั้นที่สามเป็นแบบวัดเซน วัดแห่งนี้ล้อมรอบด้วยสระน้ำกว้างใหญ่ โอบล้อมด้วยแมกไม้จึงมีทัศนียภาพที่งดงามยิ่ง
|
เกียวโต (Kyoto)
|
วัดเรียวอันจิ (Ryoan-ji) ที่นี่มีสวนหินแบบเซนที่เรียกกันว่า คาเระซันซุย ซึ่งโด่งดังไปทั่วโลก สวนแห่งนี้คือภาพแอ็บสแตร็กซึ่งวาดด้วยโขดหินแทนน้ำหมึก หิน 15 ก้อน (มีก้อนหนึ่งซึ่งเราไม่มีวันมองเห็นได้ด้วยตา) บนผืนกรวดนั้นไม่มีใครหยั่งรู้ความหมายที่แท้จริงของมัน ได้แต่คาดเดากันไปต่างๆนานา หากมานั่งที่ระเบียงแล้วปล่อยใจให้ว่าง ความแห้งแล้งของภาพเบื้องหน้าจะนำพาความเวิ้งว้างไร้ที่สิ้นสุดมาสู่คุณ กล่าวกันว่าเป็นการยกระดับจิตเข้าสู่ภาวะแห่งเซน
| |
ย่านเก่างิอน (Gion) เป็นย่านเริงรมย์หรือถิ่นเกอิชาชื่อกระฉ่อนของเกียวโต ในเกียวโตเรียกเกอิชาว่า "ไมโกะ หรือ เกโกะ" สมัยโบราณคำว่าเกอิชาในเมืองเกียวโตหมายถึงผู้ให้ความบันเทิงซึ่งเป็นชายแต่แต่งกาย เป็นหญิง แต่ในเมืองโตเกียวและโอซาก้าคำนี้หมายถึงผู้ให้ความบันเทิงที่เป็นหญิง ไมโกะเป็นเด็กรุ่นสาวอายุราว 16 ปี ตรงเอวรัดผ้าแถบยาวเรียก โอบิ (obi) อันเป็นลักษณะเฉพาะ พออายุได้ 21 ปีก็ขยับฐานะไปเป็นเกโกะ แต่งชุดกิโมโนประดับประดาเต็มที่
|
เกียวโต (Kyoto)
|
แหล่งที่มาของข้อมูล : www.tourtooktee.com
ซากุระ
ซากุระ...ญี่ปุ่น
ซากุระ เป็นดอกไม้ประจำชาติของญี่ปุ่น มีถิ่นกำเนิดในญี่ปุ่น คุณลักษณะเด่นของซากุระ คือ เมื่อร่วงจะร่วงพร้อมกันหมด ซากุระจึงเป็นสัญลักษณ์ของเลือดทหารและซามูไรของญี่ปุ่น
เทศกาลโอฮานามิ หรือเทศกาลชมดอกซากุระ ซึ่งเป็นประเพณีที่สืบทอดกันมาตั้งแต่สมัยเฮอันและนิยมทำสืบต่อกันมาจนปัจจุบัน ซากุระจะเริ่มบานจากทางตอนใต้ของประเทศญี่ปุ่น คือ โอะกินะวา ไล่ขึ้นมาถึง ฮอกไกโด เหนือสุดของญี่ปุ่นจะบานราว ๆ ต้นเดือนพฤษภาคม จะมีการสำรวจต้นซากุระ ตามที่ต่าง ๆ ทั่วญี่ปุ่น แล้วประกาศอย่างเป็นทางการถึงกำหนดที่ซากุระจะบานเส้นที่ลากเชื่อมจุดที่พยากรณ์ว่าซากุระจะบานในวันเดียวกัน เราเรียนกว่า "ซากุระเซนเซน" (Sakura Zensen)
ดอกซากุระ ในภาษาญี่ปุ่นนั้น เชื่อกันว่ากร่อนมาจากคำว่า ซะกุยะ (หมายถึง ผลิบาน) อันเป็นชื่อของเจ้าหญิง โคโนฮะนะซะคุยาฮิเม มีศาลบูชาของพระองค์อยู่บนยอดเขาฟูจิด้วย สำหรับพระนามของเจ้าหญิงองค์ดังกล่าวนั้น มีความหมายว่าเจ้าหญิงดอกไม้บาน และเนื่องจากซากุระเป็นดอกไม้ที่นิยมกันมากในญี่ปุ่นสมัยนั้น คำว่าดอกไม้ดังกล่าวจึงหมายถึงดอกซากุระนั่นเอง เจ้าหญิงองค์ดังกล่าวได้รับพระนามเช่นนั้น ก็เพราะมีเรื่องเล่ามาว่าทรงตกจากสวรรค์ มาบนต้นซากุระ ดังนั้น ดอกซากุระจึงถือเป็นดอกไม้ประจำชาติของญี่ปุ่น
ซากุระ เป็นไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ เป็นพืชจำพวกเดียวกับกุหลาบ มีกระจายอยู่ทางเอเชียตะวันออก ต้นซากุระเองนั้นมีหลายพันธุ์ หลายชนิด ซึ่งความหลากหลายนี้ทำให้ซากุระมีความแตกต่างกันในเรื่องสีของดอก ลักษณะของดอก ใบ หรือลำต้น ซึ่งปัจจุบันคาดว่าเฉพาะในญี่ปุ่นอย่างเดียวมีพันธุ์ต่าง ๆ ของซากุระมากกว่า 300 ชนิด ซากุระที่เป็นที่รู้จักกันโดยทั่วไปของคนญี่ปุ่นและกล่าวว่ามีจำนวนมากที่สุด คือ พันธุ์ someiyoshino เป็นซากุระกลีบเดี่ยวที่นิยมปลูกกันมากตามสวนสาธารณะ ริมแม่น้ำ สถานศึกษา ทั้งนี้เพราะเป็นพืชที่มีโตเร็ว นอกจากนี้ยังมี yaezakura ซึ่งเป็นซากุระที่มีลักษณะที่แตกต่างไปจาก someiyoshino ที่ลักษณะของกลีบดอก จะมีกลีบซ้อนกันหลายชั้นคล้ายกุหลาบ
สถานที่ชมดอกซากุระ...ญี่ปุ่น
1. สวนไดโนเสาร์ ซะกุระจิมะ
ที่ตั้ง : เมืองคาโงชิมะ จังหวัดคาโงชิมะ
การเดินทาง : โดยเรือเฟอรี่ซากุระจิมะ จากท่าเรือคาโงชิมะฮงโค (ใกล้สถานีรถไฟ JR คาโงชิมะ) 15 นาที
ช่วงเวลาชมดอกซากุระ : ปลายเดือนมีนาคม-ต้นเดือนเมษายนข้อมูลน่ารู้ : เป็นสวนสาธารณะบนภูเขาไฟ "ซากุระหยิมะ" ซึ่งลอยอยู่ในอ่าว "คิงโค" ห่างจากฝั่งตัวเมือง คะโงชิมะ 4 กิโลเมตร "ซากุระหยิมะ" เป็นภูเขาไฟที่ยังไม่ดับ ปัจจุบันยังคงมีควันลอยออกมาจากปล่องอยู่เสมอ เมื่อต้นซากุระจำนวน 3,000 ต้นผลิดอก ผู้คนจำนวนไม่น้อยจะเดินทางมา เพื่อนั่งชมดอกซากุระบนสนามหญ้าของสวนสาธารณะแห่งนี้ นอกจากนั้นภายในสวนยังมีหุ่นจำลองไดโนเสาร์ 7 ชนิด ทำให้ที่นี่กลายเป็นสถานที่ที่เด็กๆต่างชื่นชอบ เชิญรับชมภาพของ "ซากุระหยิมะ"
2. บริเวณรอบๆปราสาท คุมะโมโตะ
ที่ตั้ง : เมืองคุมะโมโตะ จังหวัดคุมะโมโตะ
การเดินทาง : ขึ้นรถโดยสารประจําทางจากสถานีรถไฟ JR คุมะโมโตะ 15 นาที
ช่วงเวลาชมดอกซากุระ : ปลายเดือนมีนาคม-ต้นเดือนเมษายน
ค่าผ่านประตู : ผู้ใหญ่ 500 เยน / เด็ก 200 เยน
ข้อมูลน่ารู้ : ปราสาทคุมะโมโตะสร้างขึ้นเมื่อประมาณ 400 ปีก่อน เป็นหนึ่งใน สามปราสาทที่มีแนวรั้วกำแพงหินที่สวยที่สุดในญี่ปุ่น เมื่อถึงฤดูชมดอกซากุระ จะเปิดให้เข้าชมในเวลากลางคืนด้วย จึงสามารถเพลิดเพลินกับการชมดอกซากุระยามราตรี หากท่านได้เดินชมตัวปราสาทที่ฉาบแสงไฟ และดอกซากุระยามราตรี ไปตามถนนที่ประดับด้วยโคมไฟแล้ว ท่านจะได้ลิ้มรสกับความสุขที่ยากจะหา ใดเปรียบเชิญรับชมภาพของ "ปราสาทคุมะโมโตะ"
3. สะพานคินไตเคียว
ที่ตั้ง : เมืองอิวะคุนิ จังหวัดยะมะงุจิ
การเดินทาง : ขึ้นรถโดยสารประจำทางจากสถานีรถไฟ JR อิวาคุนิ หรือสถานีรถไฟ JR ชินอิวาคุนิ 15 นาที
ช่วงเวลาชมดอกซากุระ : ต้นเดือนเมษายน - กลางเดือนเมษายน
ค่าผ่านประตู : ผู้ใหญ่ 300 เยน / เด็ก 150 เยน
ข้อมูลน่ารู้ : สะพาน "คินไตเคียว" เป็นสะพานที่มีรูปร่างแตกต่าง จากสะพานทั่วไป ถูกจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในสามสะพานที่มีชื่อเสียงที่สุดในญี่ปุ่น เมื่อย่างเข้าเดือนเมษายนบริเวณรอบๆสะพานแห่งนี้ จะเต็มไปด้วยสีชมพูของดอกซากุระ งานเทศกาลชมดอกซากุระแห่งสะพาน "คินไตเคียว" จัดขึ้นในช่วงต้นเดือนเมษายนของทุกปี ซึ่งได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวจำนวนมาก ในช่วงฤดูชมดอกซากุระยามค่ำคืนจะมีการประดับแสงไฟด้วย กิจกรรมที่พลาดไม่ได้สำหรับที่นี่คือ การล่องเรือชมสะพาน "คินไตเคียว" และดอกซะกุระที่บานสะพรั่ง
4. สวนสาธารณะ ทจึรุยะมะ
ที่ตั้ง : เมืองทจึยะมะ จังหวัดโอคะยะมะ
การเดินทาง : เดินจากสถานี JR ทสึยะมะ 10 นาที
ช่วงเวลาชมดอกซากุระ : ต้นเดือนเมษายน - กลางเดือนเมษายน
ค่าผ่านประตู : ผู้ใหญ่ 210 เยน / เด็ก 100 เยน
ข้อมูลน่ารู้ : ในอดีตสวนสาธารณะแห่งนี้เคยเป็นที่ตั้งของ ปราสาท "ทจึยะมะ" ปัจจุบันยังคงเหลือแนวกำแพงหินที่สวยงามให้นักท่องเที่ยวได้ชม หลายคนกล่าวว่า ที่นี่เป็นสถานที่สำหรับชมดอกซากุระที่สวยงามที่สุด ในแถบภาคตะวันตกของญี่ปุ่นในแต่ละปีเมื่อถึงฤดู
5. สวนสาธารณะ ชิโรยะมะ
ที่ตั้ง : เมืองมะทจึยะมะ จังหวัดเอฮิเมะ
การเดินทาง : ลงรถไฟสาย อิโยะเท็ตสึโด ที่สถานีไคโคโต แล้วต่อรถกระเช้าขึ้นไปอีก 3 นาที
ช่วงเวลาชมดอกซากุระ : ปลายเดือนมีนาคม - ต้นเดือนเมษายน
ข้อมูลน่ารู้ : นอกจากจังหวัดเอฮิเมะจะเป็นที่รู้จักในเรื่อง บ่อน้ำพุร้อน "โดโงะ" แล้ว ดอกซะกุระของปราสาท "มะทจึยะมะ" มีชื่อเสียงในเรื่องความงดงามด้วย ในงานเฉลิมฉลองฤดูใบไม้ผลิของมะทจึยะมะนอกจากท่านจะได้ชม ดอกซากุระแล้ว ยังจะได้ชมการจำลองจัดขบวนทัพของเหล่านักรบ ที่มีชื่อว่า "ไดเมียวเกียวเร็ตทจึ" และการแข่งขันเล่น "ยาคิวเค็ง" ระดับประเทศด้วย
6. ปราสาท ฮิเมหยิ
ที่ตั้ง : เมืองฮิเมหยิ จังหวัดเฮียวโงะ
การเดินทาง : เดินจากสถานีรถไฟ JR ฮิเมจิ 15 นาที
ช่วงเวลาชมดอกซากุระ : ต้นเดือนเมษายน - กลางเดือนเมษายน
ข้อมูลน่ารู้ : วัด "โฮริวหยิ" ที่นาระและปราสาท "ฮิเมจิ" แห่งนี้เป็นสถานที่ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกแห่งแรก ในประเทศญี่ปุ่น เมื่อปี ค.ศ.1993 ภายในตัวปราสาทนอกจากจะมีทรัพย์สมบัติของชาติ และมรดกทางวัฒนธรรมที่ล้ำค่าเก็บรักษาอยู่แล้ว ยังมีตำนานและเรื่องเล่าหลงเหลืออยู่อีกมากมาย ปราสาท "ฮิเมหยิ" ถูกขนานนามว่า เป็นปราสาทมีความงดงามที่สุดในประเทศญี่ปุ่น ในช่วงต้น เดือนเมษายนของทุกปี จะมีการจัดงานชมซากุระ มีการบรรเลงเครื่องดนตรีโกโตะ (จะเข้ญี่ปุ่น) และกลองไทโคะด้วย
7. โรงกษาปณ์ เมืองโอซะกะ
ที่ตั้ง : เมืองโอซะกะ จังหวัดโอซะกะ
การเดินทาง : เดินจากสถานีรถไฟใต้ดินเทมมาบาชิ 10 นาที
ช่วงเวลาชมดอกซากุระ: กลางเดือนเมษายน (เปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าชมเพียงหนึ่งสัปดาห์)
ข้อมูลน่ารู้ : เนื่องจากบุคคลทั่วไปสามารถเข้ามาในโรงกษาปณ์ เพื่อชื่นชมความงามของดอกซากุระตามทางเดินริมน้ำ ที่มีชื่อว่า "ซากุระโนะโทโอรินุเคะ" ได้เพียงหนึ่งสัปดาห์ในหนึ่งปีเท่านั้น จึงทำให้ผู้คนต่างหลั่งไหลกันมาถึงปีละล้านกว่าคน ที่พลาดไม่ได้คือ การเดินผ่านถนนที่มีดอกซากุระปกคลุมอยู่ด้านบนเต็มไปหมด คล้ายกับกำลังเดินผ่านอุโมงค์ดอกซากุระ ในยามค่ำคืนก็จะมีการประดับไฟอย่างงดงาม ท่านสามารถเข้าชมได้ จนถึงเวลา 3 ทุ่ม
8. สวนนิชิดนะมะรุเทเอ็ง ภายในสวนสาธารณะ ปราสาทโอซะกะ
ที่ตั้ง : เมืองโอซะกะ จังหวัดโอซะกะ
การเดินทาง : เดินจากสถานีรถไฟใต้ดิน ทานิมาจิยนโจเมะ 15 นาที
ช่วงเวลาชมดอกซากุระ : ปลายเดือนมีนาคม - ต้นเดือนเมษายน
ข้อมูลน่ารู้ : สวนนี้ตั้งอยู่ภายในอาณาเขตของปราสาทโอซะกะ ซึ่งเป็นปราสาทที่สร้างขึ้นเมื่อ 400 กว่าปีที่แล้ว ภายในสวนมีซากุระ กว่า 600 ต้น เมื่อเข้าสู่ฤดูชมดอกซากุระที่นี่จะคับคั่งไปด้วยบรรดาคุณพ่อคุณแม่ที่หอบลูกจูงหลานมาเที่ยว เฉพาะในช่วงฤดูชมซากุระเท่านั้น ที่จะมีการประดับโคมไฟกระดาษกว่า 200 อัน เพื่อให้นักท่องเที่ยวสามารถชื่นชมปราสาทโอซะกะ และดอกซากุระใน ยามค่ำคืนได้
9. วัดคิโยมิสึ
ที่ตั้ง : เมืองเกียวโต จังหวัดเกียวโต
การเดินทาง : ขึ้นรถโดยสารประจำทางจากสถานีรถไฟ JR เกียวโต ลงที่ป้าย คิโยมิสึ แล้วเดินต่ออีก 10 นาที
ช่วงเวลาชมดอกซากุระ : ปลายเดือนมีนาคม - ต้นเดือนเมษายน
ค่าผ่านประตู : ผู้ใหญ่ 300 เยน / เด็ก 200 เยน
ข้อมูลน่ารู้ : วัด "คิโยมิสึ" เป็นสัญลักษณ์ของ "เกียวโต" เมืองหลวงเก่าของญี่ปุ่น วัดนี้สร้างขึ้นเมื่อราว 1,200 ปีก่อนปัจจุบัน ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก ในฤดูชมซากุระกลีบดอกจากต้นซากุระที่มีอยู่กว่า 1,000 ต้น ในวัดแห่งนี้จะโปรยปรายลงมาอย่างสวยงาม ในช่วงที่ดอกซากุระบานทางวัดจะประดับไฟยามค่ำคืนเป็นเวลา 1 เดือน ท่านสามารถเพลิดเพลินกับทัศนียภาพที่สวยงาม ของ "ลานคิโยมิสึบุโด" และ "หอ 3 ชั้น" ที่ถูกปกคลุมไปด้วยดอกซากุระ
10. ภูเขา โยชิโนะ
ที่ตั้ง : โยชิโนะ - โจ จังหวัดนาระ
การเดินทาง : ใกล้สถานีรถไฟ โยชิโนะ (รถไฟคินเท็ตสึ สายโยชิโนะ)
ช่วงเวลาชมดอกซากุระ : ต้นเดือนเมษายน - ปลายเดือนเมษายน
ข้อมูลน่ารู้ : ที่นี่มีต้นซากุระอยู่ถึง 30,000 ต้น มากที่สุดในประเทศญี่ปุ่น ทั้งยังมีซากุระมากถึง 200 สายพันธุ์ ทำให้สามารถชื่นชมดอกซากุระ ได้ตลอดเดือนเมษายน พื้นที่บนภูเขานั้นถูกแบ่งออกเป็น 4 ส่วน แต่ละส่วน จะมีช่วงที่ดอกซากุระบานไม่พร้อมกัน ของฝากที่ได้รับความนิยมอย่างมากคือ ขนมที่มีส่วนผสมของดอกและใบซากุระ
11. สวนเค็นโรขุเอ็ง
ที่ตั้ง : เมืองคะนะซะวะ จังหวัดอิชิคะวะ
การเดินทาง : ขึ้นรถโดยสารประจำทางจากสถานีรถไฟ JR คานาซาว่า 10 นาที
ช่วงเวลาชมดอกซากุระ : ต้นเดือนเมษายน - กลางเดือนเมษายน
ค่าผ่านประตู : ผู้ใหญ่ 300 / เด็ก 100 เยน
ข้อมูลน่ารู้ : สวน "เค็นโรขุเอ็ง" เป็นหนึ่งในสามสวนที่มีชื่อเสียงที่สุด ของญี่ปุ่น ภายในมีต้นซะคุระ 420 ต้น เมื่อถึงเวลาที่ดอกซากุระบานเต็มที่ จะงดงามมาก นับว่าเป็นฤดูที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวมากที่สุด ช่วงหนึ่งสัปดาห์ที่ดอกซากุระบาน จะมีการจัดงานเทศกาลชมซากุระขึ้น ซึ่งสามารถเข้าชมได้โดยไม่ต้องเสียค่าผ่านประตู ทั้งยังสามารถชมดอกซากุระยามราตรีได้อีกด้วย "เค็นโรขุเอ็งคิขุซากุระ" ซึ่งเป็นดอกซากุระหายาก ที่มีกลีบมากถึง 300 กลีบ ของที่นี่มีชื่อเสียง เป็นอย่างมาก
12. ชิระคะวะโกะ
ที่ตั้ง : โอโอโนะ - กุง จังหวัดกิฟุ
การเดินทาง : ขึ้นรถโดยสารประจำทางจากสถานีรถไฟ JR ทะคะยะมะ 90 นาที
ช่วงเวลาชมดอกซากุระ : ปลายเดือนเมษายน - ต้นเดือนพฤษภาคม
ข้อมูลน่ารู้ : หมู่บ้าน "ชิระคะวะโกะ" ตั้งอยู่ลึกเข้าไปในภูเขาจังหวัดกิฟุ ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกแห่งที่ 6 ในประเทศญี่ปุ่น เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงมาก เพราะมีสิ่งก่อสร้างที่มีเอกลักษณ์ พิเศษที่ชื่อว่า "กัตโชทจึคุริ" ซึ่งหมายถึง การสร้างหลังคาบ้านลาดลงคล้ายหน้าจั่ว เพื่อให้ทนทานต่อหิมะและลมในฤดูหนาว แม้ว่าจะมีต้นซากุระอยู่ไม่มากนัก แต่ที่นี่ท่านจะได้ชมความงามของ "ชิดาเระซากุระ" ที่มีกิ่งย้อยลงด้านล่างและ "โอโอตะซากุระ" ซึ่งเป็นซะคุระที่มีกลีบซ้อนกันถึง 90 กลีบ และมีเกสร ตัวเมียมากถึง 15-20 อัน เชิญรับชมภาพของ "ชิระคะวะโกะ"
13. สวนผลไม้ โทโงขุชัง เมืองนาโงย่า
ที่ตั้ง : เมืองนาโงย่า จังหวัดไอจิ
การเดินทาง : เดินจากสถานีรถไฟ JR โคโชจิ 25 นาที
ช่วงเวลาชมดอกซะคุระ : ต้นเดือนเมษายน - กลางเดือนเมษายน
ข้อมูลน่ารู้ : ที่นี่มีต้น "ชิดาเระซะคุระ" อยู่ถึง 1,000 ต้น ในเดือนเมษายน ของทุกปี จะมีการจัดงานเทศกาลชมดอกชิดาเระซากุระ แต่ไม่ใช่แค่ดอกซากุระ เท่านั้น ที่นี่ท่านจะได้ชมต้นผลไม้นานาชนิด สมกับชื่อสวนในช่วงเวลาเดียวกับที่ซากุระผลิดอก ท่านจะได้เห็นดอกของแอ๊ปเปิ้ลสาลี่ และท้อที่บานในเวลาเดียวกัน
14. คะวะทจึซะคุระ
ที่ตั้ง : คาโมะ - กุง จังหวัดชิสึโอกะ
การเดินทาง : ขึ้นรถโดยสารประจำทางจากสถานีรถไฟ คาวาสึ (รถไฟด่วนสายอิสึ) 6 นาที
ช่วงเวลาชมดอกซากุระ : ต้นเดือนกุมภาพันธ์ - ปลายเดือนกุมภาพันธ์
ข้อมูลน่ารู้ : ซากุระของที่มีชื่อเสียงมาก เนื่องจากผลิดอกเร็วที่สุด ในเกาะฮอนชู ช่วงเวลาที่ดอกซากุระบานยาวนานถึง 1 เดือน ซากุระที่นี่เริ่มผลิ ดอกตั้งแต่ต้นเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นช่วงที่ยังไม่ได้เข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิในเมือง "คะวะทจึ" จะมีการจัดเทศกาลชมดอกซากุระนานถึง 1 เดือน ซึ่ง "คะวะทจึซากุระ" ของที่นี่จะมีสีชมพูเข้มกว่า "โชเมอิโยชิโนะ" เนื่องจากที่นี่มีน้ำพุร้อนอยู่เป็นจำนวนมาก จึงอยากแนะนำให้ไปเที่ยวน้ำพุร้อนควบคู่กันไปด้วย เชิญรับชมภาพของ "คะวะทจึซากุระ"
15. ทางขึ้นภูเขาไฟฟูจิ ด้านเมืองโยชิดะ
ที่ตั้ง : เมืองฟูจิโยชิดะ จังหวัดยะมะนะชิ
การเดินทาง : โดยรถยนต์จากสถานีรถไฟ ฟูจิโยชิดะ (รถไฟด่วนสายฟูจิ) 10 นาที
ช่วงเวลาชมดอกซากุระ : กลางเดือนเมษายน - ปลายเดือนเมษายน
ข้อมูลน่ารู้ : ท่านสามารถชมดอกซากุระบนภูเขาไฟฟูจิ ซึ่งเป็นภูเขาที่มีชื่อเสียงที่สุดในญี่ปุ่น ที่นี่มีซากุระพันธุ์ "ฟูจิซากุระ" ปลูกอยู่ถึง 2 หมื่นต้น "ฟูจิซากุระ" มีอีกชื่อว่า "มาเมะซากุระ" หรือ "โอโตเมะซากุระ" เป็นซะคุระที่มีลำต้นและดอกขนาดเล็กดูน่ารัก ตั้งแต่ปลายเดือนเมษายนถึงปลายเดือนพฤษภาคมของทุกปี จะมีการจัดงานเทศกาลชมดอกฟูจิซากุระขึ้น
16. สวนสาธารณะ ทากาโทโฮโจชิ
ที่ตั้ง : ทาคาโทโอะ - โจ จังหวัดนะงะโนะ
การเดินทาง : ขึ้นรถโดยสารประจำทาง จากสถานีรถไฟ JR อินะชิ 25 นาที
ช่วงเวลาชมดอกซากุระ : ต้นเดือนเมษายน - กลางเดือนเมษายน
ค่าผ่านประตู : ผู้ใหญ่ 500 เยน / เด็ก 250 เยน
ข้อมูลน่ารู้ : เมื่อถึงฤดูที่ดอกซากุระผลิบาน สวนสาธารณะแห่งนี้จะจัดงานเทศกาลชมดอกซากุระขึ้น ประมาณ 1 เดือน ในช่วงเวลาดังกล่าว ท่านสามารถเพลิดเพลินกับการชมดอกซากุระยามราตรีได้ถึงเวลา 5 ทุ่ม ซากุระที่มีชื่อเสียงมากของที่นี่คือ ซากุระพันธ์หายากที่ชื่อว่า "ทาคาโทโอโคอิงังซากุระ" ซึ่งมีอยู่ถึง 1,500 ต้น ดอกของซากุระพันธุ์นี้จะมีขนาดเล็กและมีสีเข้มกว่า "โชเมอิโยชิโนะ" หากมีโอกาสได้เดินทางมาที่นี่ ไม่ควรพลาดที่จะถ่ายรูปตรงสะพาน "โออุงเคียว"
17. หุบเขา นะงะโทโระ
ที่ตั้ง : จิจิบุ - กุง จังหวัดไซตะมะ
การเดินทาง : ใกล้สถานีรถไฟ นะงะโทโระ (รถไฟจิจิบุเท็ตจึโด)
ช่วงเวลาชมดอกซากุระ : ต้นเดือนเมษายน - ปลายเดือนเมษายน
ข้อมูลน่ารู้ : หุบเขา "นะงะโทโระ" อยู่ห่างจากโตเกียวทางรถยนต์ราว 2 ชั่วโมง ที่นี่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีธรรมชาติงดงามตลอดปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฤดูที่ดอกซากุระผลิบาน เนื่องจากมีซากุระปลูกอยู่เต็มไปหมดเกือบ 3,000 ต้น บรรยากาศของเมืองทั้งเมืองจึงเหมือนกับงานเทศกาลชมดอกซากุระ แต่ที่แนะนำเป็นพิเศษคือ ช่วงระยะทาง 4 กิโลเมตร จากสถานีรถไฟ นะงะโทโระ เลียบริมแม่น้ำ "อะระงะวะ" ไปจนถึงสะพาน "ทากาชาโงะบาชิ" ซึ่งมีต้นซากุระปลูกเรียงรายอยู่สองข้างทางเป็นจำนวนถึง 600 ต้น จนดูเหมือนเป็นอุโมงค์ซากุระ
18. แม่น้ำ เมงุโระงะวะ
ที่ตั้ง : เขตเมงุโระ กรุงโตเกียว
การเดินทาง : เดินจากสถานีรถไฟ อิเคจิริโอโออาชิ (รถไฟสายโตคิวเต็นเอ็งโทชิ) 10 นาที
ช่วงเวลาชมดอกซากุระ : ปลายเดือนมีนาคม - ต้นเดือนเมษายน
ข้อมูลน่ารู้ : แม่น้ำ "เมงุโระงะวะ" เป็นแม่น้ำที่ไหลลงสู่อ่าวโตเกียว มีความยาวราว 8 กิโลเมตร ทางเดินเลียบริมแม่น้ำส่วนหนึ่งระยะทาง 3.8 กิโลเมตร มีต้นซากุระปลูกเรียงรายอยู่ถึง 830 ต้น เมื่อถึงฤดูที่ดอกซากุระผลิบาน บริเวณดังกล่าวมักจะกลายเป็นสถานที่นัดพบของคู่รัก ในยามค่ำคืนจะมีการประดับไฟ ทำให้สามารถเกินชมดอกซากุระยามราตรีได้อย่างเพลิดเพลิน นอกจากนี้ยังอยู่ใกล้ "ไดกังยะมะ" แหล่งแฟชั่นที่ได้รับความนิยมอย่างมากจากวัยรุ่นญี่ปุ่น ซึ่งคงจะเป็นที่ถูกใจผู้ชื่นชอบแฟชั่นเป็นแน่
19. สวนสาธารณะ อุเอโนะ
ที่ตั้ง : เขตไทโต กรุงโตเกียว
การเดินทาง : เดินจากสถานีรถไฟ JR อุเอโนะ 1 นาที
ช่วงเวลาชมดอกซากุระ : ปลายเดือนมีนาคม - ต้นเดือนเมษายน
ข้อมูลน่ารู้ : สวนสาธารณะแห่งนี้เป็นสวนสาธารณะที่เก่าแก่ ที่สุดในโตเกียว และเป็นสถานที่เลื่องชื่อในการชมดอกซากุระมาตั้งแต่สมัยเอโดะ เนื่องจากเป็นที่ที่ใกล้ที่สุดที่ชาวโตเกียวสามารถมาชมซากุระได้ ปัจจุบัน
สวนสาธารณะแห่งนี้ จึงยังคงเป็นที่รักของชาวเมืองโตเกียว อยู่อย่างไม่เสื่อมคลาย เมื่อถึงเทศกาลชมดอกซากุระวันที่แน่นขนัดมากๆ มีคนมาชม ซากุระถึง 2 แสน 4 หมื่นคน สวนสาธารณะแห่งนี้หาง่าย แม้แต่ชาวต่างชาติก็สามารถเดินทางมาได้อย่างสะดวก
20. จิโดริงาฟูจิ
ที่ตั้ง : เขตจิโยดะ กรุงโตเกียว
การเดินทาง : เดินจากสถานีรถไฟใต้ดิน คุดันชิตะ 3 นาที
ช่วงเวลาชมดอกซากุระ : ปลายเดือนมีนาคม - ต้นเดือนเมษายน
ข้อมูลน่ารู้ : อยู่ใกล้กับพระราชวังอิมพีเรียลและ "นิฮอนบุโดคัน" แม้จะมีต้นซากุระไม่มากนักเมื่อเทียบกับที่อื่นๆ แต่ด้วยความสวยงาม ที่ไม่รองใคร วันที่แน่นขนัดมากๆจะมีคนมาชมถึง 6 หมื่นคน ตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคม ในช่วงเทศกาลชมดอกซากุระจะมีการประดับไฟ ภาพซากุระยามราตรีที่สะท้อนแสงไฟสีฟ้าขาว กระทบลงบนแผ่นน้ำหน้าพระราชวังอิมพีเรียล เป็นภาพที่น่าประทับใจ ไม่อาจลืม หากเช่าเรือล่องไปตามทางน้ำของพระราชวังชมดอกซากุระ ก็จะ โรแมนติกไม่น้อย
21. หมู่บ้านซามูไร คะคุโนดะเทะ
ที่ตั้ง : เมืองเช็มโบคุ จังหวัดอะกิตะ
การเดินทาง : เดินจากสถานีรถไฟ JR คะคุโนดาเทะ 20 นาที
ช่วงเวลาชมดอกซากุระ : กลางเดือนเมษายน - ปลายเดือนเมษายน
ค่าผ่านประตู : ผู้ใหญ่ 300 เยน / เด็ก 100 เยน
ข้อมูลน่ารู้ : ที่ "คะคุโนดะเทะ" มีหมู่บ้านซามูไรอยู่ จึงดึงดูดนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมชมเป็นจำนวนมากตลอดทั้งปี ซากุระที่เลื่องชื่อของที่นี่คือ "ชิดะเระซากุระ" ภาพของ "ชิดะเระซากุระ" ที่ผลิดอกอยู่ในหมู่บ้านซามูไรเก่าแก่ ทำให้รู้สึกราวกับว่ากำลังอยู่ในฉากหนึ่งของภาพยนต์ ซึ่งที่จริงแล้วที่นี่ก็ถูกใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำละครและภาพยนต์อยู่เนืองๆ ต้นซากุระส่วนใหญ่ของที่นี่ปลูกมาตั้งแต่สมัยก่อน บางต้นมีอายุมากกว่า 300 ปีหากได้เดินอยู่ในหมู่บ้านซามูไร ท่ามกลางกลีบดอกซากุระที่โปรยปรายลงมา คงจะรู้สึกเหมือนได้เป็นซามูไรกับเขาด้วย
22. บริเวณรอบปราสาท ฮิโรซะกิ
ที่ตั้ง : เมืองฮิโรซะกิ จังหวัดอะโอโมริ
การเดินทาง : ขึ้นรถโดยสารประจำทางจากสถานีรถไฟ JR ฮิโรซะกิ 15 นาที
ช่วงเวลาชมดอกซากุระ : ปลายเดือนเมษายน - ต้นเดือนพฤษภาคม
ข้อมูลน่ารู้ : มีผู้คนเดินทางมาร่วมเทศกาลชมดอกซากุระของปราสาท "ฮิโรซะกิ" กันล้นหลามมากถึงปีละ 2 ล้านคน ซึ่งมากที่สุดในญี่ปุ่นในปี ค.ศ. 2005 มีถึง 2,500,000 คน งานเทศกาลของที่นี่เริ่มตั้งแต่ ปลายเดือนเมษายนถึงต้นเดือนพฤษภาคม สาเหตุที่ได้รับความนิยมมากป็นเพราะ ความงดงามของภาพดอกซากุระ ปราสาท และภูเขา "อิวะกิ" นอกจาก "โชเมอิโยชิโนะ" แล้วยังมีซากุระพันธุ์อื่นๆ เช่น "ชิดาเระซากุระ" และ "ยาเอะซากุระ" ให้ได้ชมกันด้วย
23. สวนสาธารณะ โกเรียวคะคุ
ที่ตั้ง : เมืองฮาโกดะเทะ ฮอกไกโด
การเดินทาง : เดินจากสถานีรถไฟ โกเรียวคะคุโคเอ็งมาเอะ (รถไฟฮาโกดาเทะชิเต็น) 15 นาที
ช่วงเวลาชมดอกซากุระ : ปลายเดือนเมษายน - ต้นเดือนพฤษภาคม
ข้อมูลน่ารู้ : ที่นี่เป็นที่แรกในญี่ปุ่นที่มีการสร้างปราสาทสไตล์ยุโรป ทั้งยังเป็นสมรภูมิรบในสงคราม "ฮะโกดาเทะ" ซึ่งเป็นสงครามภายในครั้งสุดท้าย ลักษณะเด่นของที่นี่คือ หากมองจากข้างบนลงมาจะเห็นเป็นรูปร่างคล้ายดวงดาว ภาพซากุระที่สะท้อนบนผิวน้ำในคูรอบโกเรียวคาคุนั้น มีความงดงามมากใกล้ๆยังมีหอคอย "โกเรียวคาคุ" ที่สามารถชื่นชมภาพทิวทัศน์ซากุระจากด้านบนได้
24. สวนสาธารณะ มะทจึมะเอะ
ที่ตั้ง : มะทจึมะโอะ - โจ ฮอกไกโด
การเดินทาง : โดยรถยนต์จากตัวเมือง ฮาโกดาเทะ 2 ชั่วโมง
ช่วงเวลาชมดอกซะคุระ : ปลายเดือนเมษายน - ปลายเดือนพฤษภาคม
ข้อมูลน่ารู้ : ที่นี่มีซะคุระมากถึง 250 พันธุ์ แต่ที่มีมากที่สุดคือ "ยะเอะซากุระ" ซึ่งมีอยู่ถึง 10,000 ต้น ดอกซากุระแต่ละชนิดจะค่อยๆเบ่งบานตามลำดับ ตั้งแต่ปลายเดือนเมษายนทำให้สามารถชมดอกซากุระได้ตลอด 1 เดือนเต็ม ยิ่งไปกว่านั้น ที่ฮอกไกโดดอกซากุระและดอกบ๊วยจะบานพร้อมกัน ท่านจึงสามารถเพลิดเพลินกับการชมดอกบ๊วยและดอกทสึบากิที่ศาลเจ้า "มะทจึมะเอะ" ภายในสวนได้ด้วย เทศกาลชมดอกซากุระของที่นี่เริ่มตั้งแต่ ปลายเดือนเมษายนที่ปราสาท "มะทจึมะเอะ" จะมีการประดับไฟยามค่ำคืน ทำให้สามารถชื่นชมดอกซากุระยามราตรีได้ด้วย
ที่มา : http://www.tourtooktee.com
วันศุกร์ที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2555
สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าไปเที่ยวที่สุดในประเทศญี่ปุ่น
1. พระราชวังอิมพีเรียล พระราชวังแห่งนี้เป็นที่ประทับของพระจักรพรรดิและพระราชวงศ์ อาณาบริเวณหลายแห่งในพระราชวังจึงมิได้เปิดให้เข้าชม แต่บางส่วนจะเปิดให้เข้าชมได้ในช่วงวันหยุดพิเศษ ตัวพระตำหนักเป็นอาคารคอนกรีตทรงเตี้ยกว้างสร้างด้วยหินแกรนิตและบะซอลต์จาก ภูเขาไฟ คลุมด้วยหลังคาสีเขียว สร้างเสร็จในปี 1970 แทนพระตำหนักไม้หลังเดิมที่ถูกระเบิดในช่วงสงครามโลกในปี 1945
2. อาซากุสะ (Asakusa) สิ่งที่อยู่คู่กับย่านอาซากุสะและเป็นสัญลักษณ์ของที่นี่คือ วัดเซ็นโซจิ หรืออาซากุสะคันนง (Asakusa Kannon) น่าจะเป็นวัดพุทธที่เก่าแก่ที่สุดในภูมิภาคคันโตและมีนักท่องเที่ยวนิยมมา เยือนกันแน่นขนัดทุกปี และซื้อของที่ระลึกซึ่งมีร้านรวงตั้งเป็นแถวยาวให้เลือกจับจ่าย จึงทำให้วัดแห่งนี้รุ่งเรืองและคึกคักด้วยผู้คน โดยเฉพาะช่วงดอกซากุระบานสะพรั่ง ริมแม่น้ำแห่งนี้ยิ่งสวยงามเหนือคำบรรยายจริงๆ
3. ชินจูกุ (Shin-juku) ชินจูกุเป็นสถานีรถไฟที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งในญี่ปุ่น เนื่องจากเป็นจุดเปลี่ยนต่อรถไฟทั้งสายในโตเกียวและวิ่งสู่ภูมิภาคต่างๆรวม ถึงรถไฟใต้ดินด้วย บริเวณสถานีมีร้านค้าตั้งอยู่เรียงรายแน่นขนัดทั้งบนดินและใต้ดิน และยังมีห้างสรรพสินค้าใหญ่อีก 4 แห่งให้เดินชอบปิ้งกันสุดเหวี่ยงไปเลยในแถบนั้น
4. กินซ่า (Ginza) กินซ่านับเป็นย่านที่เลื่องชื่อไปทั่วโลกของญี่ปุ่นอีกแห่งหนึ่ง ด้วยร้านค้าแบรนด์เนมและโชว์รูมของสินค้าไฮเทคโนโลยีที่รู้จักกันทั่วโลก \”โซนี่” ยามค่ำคืนย่านแห่งนี้จะสว่างไสวด้วยแสงไฟจากหลอดนีออนและป้ายโฆษณา สถานบันเทิงต่างคึกคักทำให้ย่านนี้มีชีวิตชีวา ถนนกินซ่าโดริ(Ginza Dori) หรือบางทีเรียกว่า ชูโอโดริ เป็นถนนสำคัญหนึ่งในสองสายที่ตัดผ่านกินซ่า สองฟากถนนเต็มไปด้วยห้องเสื้อทันสมัย แกลเลอรี่ศิลปะและห้างสรรพสินค้าชั้นนำ จุดนัดพบยอดนิยมของโซนนี้ คือ หน้าตึกโซนี่ จะเห็นผู้คนมายืนเตร็ดเตร่สีหน้ารอคอยอยู่ด้านนอก ส่วนด้านในจะเป็นโชว์รูมสินค้าอิเล็กทรอนิคส์และโชว์รูมโตโยต้า
5. ชิบุยะ (Shibuya) เป็นย่านทันสมัยที่สุดแห่งหนึ่งในโตเกียว เป็นศูนย์รวมของวัยรุ่นญี่ปุ่นมีทุกอย่างไว้ตอบสนองวัยรุ่นที่มีกะตังค์ จึงทำให้ย่านนี้พลุกพล่านไปด้วยผู้คน ประตูทางออกของสถานีชิบุยะ ด้านตะวันตกเฉียงเหนือมีผู้นิยมใช้กันมากที่สุด ด้านนอกจะมีรูปปั้นของฮาจิโกะ(Hachiko) สุนัขผู้ซื่อสัตย์ที่สร้างขึ้นในปี 1964 ผู้คนชอบนัดพบกันตรงบริเวณนี้ จากทางออกด้านนี้จะพบกับสี่แยกใหญ่ มองไปเบื้องหน้าจะพบกับอาคารชิบุยะ 109 (Shiuya 109 building) ทรงกระบอกสังเกตเห็นได้ง่าย จากแยกนี้หากเดินเลี้ยวขวาขึ้นเนินมานิดนึงจะพบกับห้างโตเกียวให้เดินเตร็ด เตร่กัน
7. Rainbow Bridge เป็นอีกหนึ่งงานก่อสร้างที่เด่นสะดุดตาในอ่าวโตเกียว มีนักท่องเที่ยวมาแวะชมกันจำนวนมากอีกเช่นกัน ยามค่ำคืนแสงไฟที่ใช้ประดับสะพานสร้างบรรยากาศแสนโรแมนติกไปอีกแบบหนึ่ง จนมีคู่หนุ่มสาวจำนวนมากมาสวีทหวานแหววกับธรรมชาติวิวริมน้ำอย่างนี้กันเป็นประจำ
8. Tokyo Disneyland ตั้งอยู่ในจังหวัดชิบะ ทางตะวันออกของโตเกียว ภายในจะมีสวนสนุกอยู่ 2 แห่งคือ Disneyland จะมีเครื่องเล่นที่ค่อนข้างหวาดเสียว และ DisneySea จะมีเครื่องเล่นที่เหมาะกับเด็กมากกว่า เปิด วันธรรมดา 09.00 น.-22.00 น. วันหยุดเสาร์- อาทิตย์ 08.00 น.- 22.00 น.
ที่มา : www.sanook.com
2. อาซากุสะ (Asakusa) สิ่งที่อยู่คู่กับย่านอาซากุสะและเป็นสัญลักษณ์ของที่นี่คือ วัดเซ็นโซจิ หรืออาซากุสะคันนง (Asakusa Kannon) น่าจะเป็นวัดพุทธที่เก่าแก่ที่สุดในภูมิภาคคันโตและมีนักท่องเที่ยวนิยมมา เยือนกันแน่นขนัดทุกปี และซื้อของที่ระลึกซึ่งมีร้านรวงตั้งเป็นแถวยาวให้เลือกจับจ่าย จึงทำให้วัดแห่งนี้รุ่งเรืองและคึกคักด้วยผู้คน โดยเฉพาะช่วงดอกซากุระบานสะพรั่ง ริมแม่น้ำแห่งนี้ยิ่งสวยงามเหนือคำบรรยายจริงๆ
3. ชินจูกุ (Shin-juku) ชินจูกุเป็นสถานีรถไฟที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งในญี่ปุ่น เนื่องจากเป็นจุดเปลี่ยนต่อรถไฟทั้งสายในโตเกียวและวิ่งสู่ภูมิภาคต่างๆรวม ถึงรถไฟใต้ดินด้วย บริเวณสถานีมีร้านค้าตั้งอยู่เรียงรายแน่นขนัดทั้งบนดินและใต้ดิน และยังมีห้างสรรพสินค้าใหญ่อีก 4 แห่งให้เดินชอบปิ้งกันสุดเหวี่ยงไปเลยในแถบนั้น
4. กินซ่า (Ginza) กินซ่านับเป็นย่านที่เลื่องชื่อไปทั่วโลกของญี่ปุ่นอีกแห่งหนึ่ง ด้วยร้านค้าแบรนด์เนมและโชว์รูมของสินค้าไฮเทคโนโลยีที่รู้จักกันทั่วโลก \”โซนี่” ยามค่ำคืนย่านแห่งนี้จะสว่างไสวด้วยแสงไฟจากหลอดนีออนและป้ายโฆษณา สถานบันเทิงต่างคึกคักทำให้ย่านนี้มีชีวิตชีวา ถนนกินซ่าโดริ(Ginza Dori) หรือบางทีเรียกว่า ชูโอโดริ เป็นถนนสำคัญหนึ่งในสองสายที่ตัดผ่านกินซ่า สองฟากถนนเต็มไปด้วยห้องเสื้อทันสมัย แกลเลอรี่ศิลปะและห้างสรรพสินค้าชั้นนำ จุดนัดพบยอดนิยมของโซนนี้ คือ หน้าตึกโซนี่ จะเห็นผู้คนมายืนเตร็ดเตร่สีหน้ารอคอยอยู่ด้านนอก ส่วนด้านในจะเป็นโชว์รูมสินค้าอิเล็กทรอนิคส์และโชว์รูมโตโยต้า
5. ชิบุยะ (Shibuya) เป็นย่านทันสมัยที่สุดแห่งหนึ่งในโตเกียว เป็นศูนย์รวมของวัยรุ่นญี่ปุ่นมีทุกอย่างไว้ตอบสนองวัยรุ่นที่มีกะตังค์ จึงทำให้ย่านนี้พลุกพล่านไปด้วยผู้คน ประตูทางออกของสถานีชิบุยะ ด้านตะวันตกเฉียงเหนือมีผู้นิยมใช้กันมากที่สุด ด้านนอกจะมีรูปปั้นของฮาจิโกะ(Hachiko) สุนัขผู้ซื่อสัตย์ที่สร้างขึ้นในปี 1964 ผู้คนชอบนัดพบกันตรงบริเวณนี้ จากทางออกด้านนี้จะพบกับสี่แยกใหญ่ มองไปเบื้องหน้าจะพบกับอาคารชิบุยะ 109 (Shiuya 109 building) ทรงกระบอกสังเกตเห็นได้ง่าย จากแยกนี้หากเดินเลี้ยวขวาขึ้นเนินมานิดนึงจะพบกับห้างโตเกียวให้เดินเตร็ด เตร่กัน
6. ฮาราจูกุ (Harajuku) เป็นแหล่งรวมแฟชั่นทันสมัย เมื่อเดินเข้ามาบน Takeshita street ถนน ช็อบปิ้งสุดฮิตของฮาราจูกุ จะพบกับวัยรุ่นที่แต่งตัวด้วยชุดอันร้อนแรงบวกกับสีสันอันเจิดจ้า นับว่าเป็นเอกลักษณ์ของที่นี่ ที่วัยรุ่นจะนิยมแต่งตัวแรงๆ เพื่อมาประชันกัน คล้ายๆ กับสยามสแควร์บ้านเรา ซึ่งนักท่องเที่ยวที่มาที่นี้จะนิยมถ่ายรูปกับวัยรุ่นที่แต่งตัวแรงๆ เพื่อเก็บไว้เป็นที่ระลึกว่า ครั้งหนึ่งได้มาเหยียบมาฮาราจูกุแล้ว หากใครมาแล้ว ไม่พบวัยรุ่นที่แต่งตัวแรงๆ ก็เหมือนมาไม่ถึงฮาราจูกุ
7. Rainbow Bridge เป็นอีกหนึ่งงานก่อสร้างที่เด่นสะดุดตาในอ่าวโตเกียว มีนักท่องเที่ยวมาแวะชมกันจำนวนมากอีกเช่นกัน ยามค่ำคืนแสงไฟที่ใช้ประดับสะพานสร้างบรรยากาศแสนโรแมนติกไปอีกแบบหนึ่ง จนมีคู่หนุ่มสาวจำนวนมากมาสวีทหวานแหววกับธรรมชาติวิวริมน้ำอย่างนี้กันเป็นประจำ
8. Tokyo Disneyland ตั้งอยู่ในจังหวัดชิบะ ทางตะวันออกของโตเกียว ภายในจะมีสวนสนุกอยู่ 2 แห่งคือ Disneyland จะมีเครื่องเล่นที่ค่อนข้างหวาดเสียว และ DisneySea จะมีเครื่องเล่นที่เหมาะกับเด็กมากกว่า เปิด วันธรรมดา 09.00 น.-22.00 น. วันหยุดเสาร์- อาทิตย์ 08.00 น.- 22.00 น.
ที่มา : www.sanook.com
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)