วันพุธที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2555

การบ้าน ปฏิบัติการที่ 6 SQL

h.  ตอบ  ให้เลือกฟิลด์รหัสรายวิชา  ชื่อรายวิชา  และจำนวนหน่วยกิต จากตารางรายวิชา (subject)
    โดยมีเงื่อนไขคือเป็นรายวิชา 104111

    SELECT subjectid,name,credit
    FROM subject
    WHERE  subjectid = 104111;





i.  ตอบ  ให้เลือกฟิลด์ทั้งหมดจากตารางรายวิชา (subject)

    SELECT subjectid,name,credit,book,teacher
    FROM subject;






j.  ตอบ  ให้เลือกฟิลด์รหัสรายวิชา  ชื่อรายวิชา  และจำนวนหน่วยกิต จากตารางรายวิชา (subject)

    SELECT subjectid,name,credit
    FROM subject;




k.  ตอบ  ให้เลือกฟิลด์รหัสรายวิชา  ชื่อรายวิชา  และจำนวนหน่วยกิต จากตารางรายวิชา (subject) โดยมี
     เงื่อนไขคือเป็นรายวิชา 104111

     SELECT subjectid,name,credit
     FROM subject
     WHERE   subjectid = 104111;







o.   ตอบ  ให้เลือกแสดงฟิลด์รหัสนิสิต  ชื่อนิสิต  คะแนน  เกรด  และชื่อรายวิชา  จากตารางนักเรียน  
     (student) การลงทะเบียน ( register ) และรายวิชา (subject) โดยมีเงื่อนไขคือ แสดงรหัสนิสิต และแสดง                    
     เฉพาะรายวิชาที่มีรหัส  104111 เท่านั้น 

     SELECT Student.Studentid,Student.Name, Register.Score,Register.Grade ,Subject.Name
     FROM Register, Student,Subject
     WHERE (Register.Studentid = Student.Studentid) And (Register.Subjectid = Subject.Subjectid AND        
     Register.Subjectid = 104111);





p.  ตอบ  ให้เลือกแสดงฟิลด์ รหัสนิสิต  ชื่อนิสิต  คะแนน  เกรด  และชื่อรายวิชา  จากตาราง
     นักเรียน(student) การลงทะเบียน(register) และรายวิชา (subject) โดยมีเงื่อนไขคือแสดงเฉพาะรายวิชา
     รหัส 104111 เท่านั้น  และนิสิตที่อยู่ในชมรมภูมิศาสตร์เท่านั้น

     SELECT Student.Studentid,Student.Name,Register.Score,Register.Grade ,Subject.Name,Student.club
     FROM Register, Student,Subject
     WHERE (Register.Studentid = Student.Studentid) And (Register.Subjectid = Subject.Subjectid AND     
     Register.Subjectid = 104111) AND  Student.club ='ภูมิศาสตร์'






วันอังคารที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2555

น้ำตกไนแอการา (Niagara Falls)


"น้ำตกไนแอการา นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา ทัวร์ต่างประเทศ"
 
น้ำตกไนแอการา เป็นน้ำตกขนาดใหญ่หลายแห่งประกอบกัน ตั้งอยู่บนแม่น้ำไนแอการาทางตะวันออกของทวีปอเมริกาเหนือ บนพรมแดนระหว่างประเทศแคนาดากับสหรัฐอเมริกา น้ำตกไนแอการาประกอบด้วยน้ำตกสามแห่งที่แยกออกจากกัน คือ น้ำตกเกือกม้า (Horseshoe Falls บางครั้งก็เรียก น้ำตกแคนาดา) สูง 158 ฟุต, น้ำตกอเมริกาสูง 167 ฟุต, และน้ำตกขนาดเล็กกว่าที่อยู่ติดกัน คือน้ำตก Bridal Veil. แม้น้ำตกไนแอการาจะไม่สูงอย่างโดดเด่น แต่ก็กว้างมาก

น้ำตกไนแอการา อยู่บริเวณทะเลสาบทั้ง 5 ระหว่างประเทศสหรัฐอเมริกา และ ประเทศแคนาดามีน้ำตกไนแองการ่าแหล่งท่องเที่ยวที่ลือลั่นสนั่นโลกสถานที่แห่งนี้ไม่เคยที่จะร้างห่างลาผู้คน ไม่ว่าจะเป็นฤดูหนึ่งฤดูใดก็ตาม น้ำตกไนแองการ่าที่ไหลลงสู่ทะเลสาบออนตาริโอ เป็นผืนน้ำขนาดใหญ่ที่ดูเป็นแอ่งนิ่งและสงบอยู่ในแผ่นดินทางสหรัฐอเมริกา แต่ถัดมาที่มีลักษณะเป็นรูปเกือกม้าขนาดใหญ่กลับเป็นภาพของ กระแสน้ำที่หลั่งทะลักลงจากหน้าผาสูงเป็นแนวกว้าง กระโจนลงสู่พื้นเบื้องล่าง และเพราะแรงกระทบที่ตกลงไป ส่งผลให้เกิดละอองกระเซ็นสาดไปทั่วบริเวณ เมื่อกระทบกับแสงแดดที่สาดเข้าใส่ละอองเหล่านั้นจะปรากฏเป็นภาพของรุ้งกินน้ำ ประดับบริเวณน้ำตกอยู่ตลอเวลา ส่วนความมหึมาของน้ำตกตรงจุดนี้เขาเรียกกันว่า "แคนาเดี่ยนฟอลส์" ส่วนบริเวณชั้นของน้ำตกส่วนล่างลงมา ซึ่งก็เป็นบริเวณที่เป็นชั้นน้ำตก ตกลงไปกระทบพื้นล่าง เป็นระดับแนวยาวขนานกันกับชั้นบนมามีชื่อเรียกว่า "อเมริกัน ฟอลส์"

น้ำตกไนแองการามีจุดชมวิวที่สวยงามและเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของทั้ง 2 ประเทศมานานกว่าศตวรรษ แม่น้ำไนแอการาไหลมาจากทะเลสาบอีรีไหลผ่านน้ำตกไนแอการาลงสู่ทะเลสาบออนตาริโอ เมืองสองฝั่งของน้ำตกในสองประเทศนั้นเป็นเมืองแฝด โดยในฝั่งแคนาดาคือ ไนแอการาฟอลส์ ออนตาริโอ ส่วนในฝั่งสหรัฐอเมริกาคือ ไนแอการาฟอลส์ มลรัฐนิวยอร์ก

แหล่งที่มาข้อมูล : http://www.abroad-tour.com/USA/niagara_falls/

วันอาทิตย์ที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2555

เตือนเดินทางฮ่องกง-ไต้หวันระวัง"เทมบิง"แรงเป็นพายุไต้ฝุ่น


วันนี้ (26 ส.ค.) กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์ลักษณะอากาศทั่วไปของประเทศไทยว่า ร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีฝนกระจายถึงเกือบทั่วไปและมีฝนตกหนักบางแห่ง
อนึ่ง พายุโซนร้อน“เทมบิง” (TEMBIN) บริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน ได้ทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุไต้ฝุ่นอีกครั้งหนึ่ง อยู่ระหว่างเกาะฮ่องกงกับไต้หวัน ผู้ที่จะเดินทางไปบริเวณดังกล่าวควรตรวจสอบสภาพอากาศก่อนออกเดินทาง
พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06.00 น วันนี้ จนถึง 06.00 น. วันพรุ่งนี้
ภาคเหนือ
มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง
บริเวณจังหวัดอุตรดิตถ์ สุโขทัย พิษณุโลก พิจิตร และเพชรบูรณ์
อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 33-34 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตก ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง
บริเวณจังหวัดเลย หนองคาย บึงกาฬ อุดรธานี นครพนม และสกลนคร
อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตก ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

ภาคกลาง
มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดราชบุรี กาญจนบุรี สุพรรณบุรี อุทัยธานี นครสวรรค์ และลพบุรี
อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 34-35 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

ภาคตะวันออก
มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง
บริเวณจังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี และสระแก้ว
อุณหภูมิต่ำสุด 24-27 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร
ส่วนบริเวณฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

ภาคใต้ฝั่งตะวันออก
มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช และสงขลา
อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 1-2 เมตร

ภาคใต้ฝั่งตะวันตก
มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง
บริเวณจังหวัดระนอง พังงา และภูเก็ต
อุณหภูมิต่ำสุด 20-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.
ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ส่วนบริเวณฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

กรุงเทพมหานครและปริมณฑล
มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ ส่วนมากในช่วงบ่ายถึงค่ำ
อุณหภูมิต่ำสุด 25-27 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 33-34 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
แหล่งที่มาข้อมูล : http://www.dailynews.co.th

ศาลตัดสิน Apple ชนะ คดีฟ้องร้อง Samsung ลอกเลียนแบบ ค่าเสียหาย 1 พันล้านเหรียญ


สรุปผลคดีฟ้องร้องระหว่าง Apple และ Samsung ซึ่งศาลแคลิฟอเนีย นำโดย Lucy Koh และคณะลุกขุนทั้ง 9 ท่าน ตัดสินให้ Apple ชนะดคีครับ และ Samsung ต้องจ่ายค่าปรับเป็นจำนวนเงินกว่า 1 พันล้านเหรียญ ก่อนจะกล่าวถึงผลการตัดสินขอกล่าวถึงที่มาที่ไปของคดีก่อนนะครับ
ทางฝั่ง Apple
  • Apple ฟ้อง Samsung ด้วยสิทธิบัตรหลัก 4 ชิ้น บนโทรศัพท์จำนวนกว่า 20 รุ่นของ Samsung โดยมีรุ่นเรือธงทั้งหลายเช่น Galaxy S, Galaxy S II
  • สิทธิบัตรที่ Apple ใช้ฟ้องเช่น Bounce back , pinch to zoom, tap to zoom
  • Apple เรียกร้องค่าเสียหายทั้งหมดประมาณ 2.5 พันล้านดอลลาร์
  • Apple เคยเรียกร้องให้ Samsung จ่ายค่าสิทธิบัตร 30 ดอลลาร์ต่อเครื่องสำหรับโทรศัพท์และ 40 ดอลลาร์ต่อเครื่องสำหรับแทปเลต แต่ Samsung ปฎิเสธที่จะจ่ายเนื่องจากเห็นว่าแพงเกินไป
ทางฝั่ง Samsung 
  • Samsung ฟ้อง Apple ด้วยสิทธิบัตรหลักเช่นการส่งผ่านข้อมูลด้วยระบบ UMTS
  • Samsung เรียกร้องค่าเสียหาย 2.4 % จากยอดขายสินค้า ที่ใช้เทคโนโลยี 3G ของ Samsung นั่นหมายถึง iPhone ทุกรุ่นยกเว้นรุ่นแรก iPad ที่มีระบบ 3G ทุกรุ่น
  • Apple ปฎิเสธที่จะจ่ายเนื่องจากเห็นว่า UMTS ได้กลายเป็นมาตรฐานอุตสาหกรรม ไม่สามารถใช้ฟ้องร้องได้ หรือหากผิดจริง เม็ดเงินที่ Samsung เรียกร้องก็ยังสูงเกินไป
  • Samsung เรียกร้องค่าละเมิดสิทธิบัตรจาก Apple เป็นเงินประมาณ 400 ล้านดอลลาร์
ผู้พิพากษา Lucy Koh (เป็นลูกครึ่งอเมริกัน-เกาหลี) ได้ใช้เวลาไต่สวน และหาข้อมูลประมาณ 3 สัปดาห์โดยทั้งสองฝ่าย ต่างหาข้อมูลมาโต้แย้งกันโดยทาง Apple ค่อนข้างจะได้เปรียบเนื่องจากเป็นการหาหลักฐานในเชิงรุก และเมื่อประมาณช่วงเวลา 17.00 นาฬิกา (เวลาท้องถิ่นรัฐแคลิฟอเนีย) ได้เปิดเผยคำตัดสิน สรุปรายละเอียดได้ดังนี้ครับ
  • สิทธิบัตร Bounce Back : โทรศัพท์ของ Samsung ละเมิดทุกรุ่น
  • สิทธิบัตร  Pinch to Zoom : โทรศัพท์ของ Samsung ละเมิด 3 รุ่น
  • สิทธิบัตร Double Tap to Zoom : โทรศัพท์ของ Samsung หลายรุ่นละเมิดแต่ไม่ทุกรุ่น
  • สิทธิบัตร Home Screen : พบว่่า โทรศัพท์ของ Samsung ละเมิดเกือบทุกรุ่น
  • สิทธิบัตรที่เกียวกับการออกแบบ : พบว่าละเมิดในบางรุ่น
  • สิทธิบัตรการออกแบบ iPad : ศาลตัดสินว่า Galaxy Tab ไม่ได้ละเมิดสิทธิบัตรการออกแบบ ซึ่งเป็นชัยชนะเดียวของ Samsung ในคดีนี้
  • ศาลเห็นว่า Samsung ละเมิดจริง จึงตัดสินให้ Apple ได้รับค่าเสียหายจาก Samsung เป็นจำนวนเงิน 1,051,558,000 ดอลลาร์ หรือประมาณ 40% ของยอดฟ้องที่ทาง Apple เรียกร้องไว้ในตอนแรก
  • ศาลตัดสินว่าสิทธิบัตรของ Samsung ไม่สามารถใช้ในการฟ้องร้องได้ Apple จึงไม่ต้องจ่ายค่าปรับใด ๆ ให้กับทาง Samsung 
หลังคำตัดสิน มีตัวแทนของทั้ง 2 ฝ่ายออกมากล่าวถึงผลการตัดสินไว้ดังนี้ครับ
Apple : เรายินดีที่คณะลูกขุนตัดสินแบบนี้ เพราะเรามีหลักฐานมากมายที่แสดงให้เห็นว่า Samsung พยายามที่จะลอกเลียนเรา เรื่องระหว่าง  Apple และ Samsung สำคัญมากกว่าสิทธิบัตรหรือเงิน มันเกี่ยวกับคุณค่า ซึ่งที่ Apple เราพยายามที่จะคิดค้นเพื่อที่จะสร้างสิ่งที่ดีที่สุดให้กับโลกของเรา เราสร้างสิ่งเหล่านี้มาเพื่อลูกค้า ไม่ใช่เพื่อให้คู่แข่งมาลอกไป เรายินดีจริง ๆ ที่ศาลเห็นว่าพฤติกรรมของ Samsung เป็นการจงใจและเป็นการส่งข้อความไปดัง ๆ ว่า การขโมยนั้นไม่ถูกต้อง
Samsung : วันนี้เราไม่ควรมองว่าเป็นชัยชนะของ Apple แต่เป็นความพ่ายแพ้ของผู้บริโภคในอเมริกา ซึ่งจะทำให้มีทางเลือกน้อยลง การคิดค้นนวัตกรรมน้อยลง และราคาที่แพงมากยิ่งขึ้น เรารู้สึกแย่ทึ่คำตัดสินบ่งบอกว่า มีบริษัทใดบริษัทหนึ่งสามารถผูกขาดรูปทรงสีเหลี่ยมที่มีมุมโค้งได้ สินค้าของเราได้รับการพัฒนาในทุก ๆ วัน  อย่างไรก็ตามในคดี อื่น ๆ ที่ฟ้องกันทั่วโลก ศาลบางแห่งก็ปฎิเสธคำร้องของ Apple เช่นกัน Samsung จะสร้างสรรค์เทคโนโลยีเพื่อนำเสนอแก่ผู้บริโภคต่อไป
อย่างไรก็ตามคาดว่าจะมีการอุทธรณ์กันต่อไปครับ
แหล่งที่มาข้อมูล : http://www.iphonemod.net

วันศุกร์ที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2555

สรรพชีวิตแห่งเทือกเขาแอลป์


เทือกเขาแห่งประวัติศาสตร์ ตำนาน และความโหดร้ายของธรรมชาติ ที่เล่าขานกันมานาน ขุนเขาแห่งนี้เป็นที่ครั่นคร้ามแก่เหล่านักเดินทาง หรือแม้แต่ผู้ที่อาศัยอยู่แถบนี้ แต่ในขณะเดียวกัน ดินแดนแห่งนี้ก็เป็นบ้านอันแสนสุข แหล่งพักพิงอีกแห่งหนึ่งของสัตว์ป่า ในทวีปที่ถูกมนุษย์ครอบงำจนเกือบหมดแล้ว

เทือกเขาแอลป์ เป็นเทือกเขาที่สำคัญของทวีปยุโรป ทิวเขาแห่งนี้ ทอดยาวตั้งแต่ประเทศฝรั่งเศส ผ่านอิตาลี สวิสเซอร์แลนด์ และออสเตรีย โดยมียอดเขามองบลังต์ (Mont Blanc) ที่มีความสูงประมาณ 4,810 เมตร เป็นยอดที่สูงที่สุด และยังเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในทวีปยุโรปด้วย
ในยุคจักรวรรดิโรมัน เทือกเขาแอลป์ที่ทอดยาวผ่านแนวพรมแดนอิตาลี เป็นเสมือนปราการธรรมชาติที่น่าเกรงขาม ในราวปีที่ 210 ก่อนคริสตกาล เกิดสงครามระหว่างโรมันและคาร์เธจ ฮานนิบาล (Hannibal) แม่ทัพคาร์เธจนำกองทัพเกือบแปดหมื่นคน ข้ามเทือกเขาแอลป์ในฤดูหนาวเพื่อโจมตีกองทัพโรมัน ในเวลาเพียงไม่ถึงหนึ่งเดือน ความทารุณของธรรมชาติ คร่าชีวิตทหารไปเกือบห้าหมื่นคน จอมทัพคนที่สองที่กล้าข้ามเทือกเขานี้ คือ พระเจ้านโปเลียนแห่งฝรั่งเศส ยกกองทัพข้ามเทือกเขาแอลป์ในฤดูร้อน เพื่อเลี่ยงการสูญเสีย อย่างไรก็ดี กองทัพฝรั่งเศสก็ต้องพบกับความยากลำบากไม่ใช่น้อย

เทือกเขาแอลป์ยังมีเรื่องราวของสุนัขแสนรู้ที่ช่วยชีวิตคนที่หลงทางบนเขา กล่าวคือในสมัยก่อน พวกพระที่อยู่ตรงเชิงเขา จะฝึกสุนัขพันธุ์เซนเบอร์นาร์ด เอาไว้คอยค้นหานักเดินทางโชคร้ายที่หลงทางบนเทือกเขา สุนัขเหล่านี้จะมีถังเหล้าองุ่นขนาดเล็กติดตัว เพื่อให้นักเดินทางเหล่านี้ดื่มสร้างความอบอุ่น เรื่องราวของทีมกู้ภัยสี่ขาเหล่านี้ เป็นอีกตำนานหนึ่งที่เป็นจริงของที่นี่ นอกเหนือจากเรื่องราวที่เกี่ยวพันกับมนุษย์แล้ว เทือกเขาแอลป์ยังมีตำนานที่มีชีวิตอีกบทหนึ่ง อันได้แก่เรื่องราวของสรรพสัตว์ที่อาศัยอยู่ที่นี่มานาน ก่อนอารยธรรมมนุษย์จะกำเนิดขึ้น ชีวิตเหล่านี้ดำเนินไปตามวัฏจักรแห่งชีวิตที่หมุนไปตามที่เคยเป็น

วัฎจักรแห่งขุนเขา เริ่มขึ้นในฤดูใบไม้ผลิ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับสัตว์ป่าจะออกหากิน หมียูเรเซียเป็นสัตว์อีกชนิดหนึ่งที่มีความสุขกับฤดูกาลนี้ หมีชนิดนี้เป็นหมีชนิดเดียวกันกับหมีสีน้ำตาลของทวีปอเมริกา มีข้อแตกต่างเล็กน้อยตรงที่พวกมันมีขนาดเล็กกว่าญาติในอเมริกาของมัน ในฤดูใบไม้ผลิ พวกหมีจะกินอาหารแทบทุกอย่าง ไม่ว่าเนื้อสัตว์หรือพืช และกินให้ได้มากที่สุด เพื่อกักเก็บไขมันไว้ในฤดูหนาว ซึ่งพวกมันจะนอนอยู่เกือบตลอดเวลา สำหรับแม่หมีจะตกลูกในฤดูหนาว พวกมันจึงต้องกินให้เพียงพอ สำหรับสร้างน้ำนมเลี้ยงลูก เมื่อแรกเกิดลูกหมีจะมีขนาดเท่าหนู แต่พวกมันจะโตเร็วมาก และเมื่อเข้าฤดูร้อน ลูกหมีก็จะโตพอๆ กับแมวตัวใหญ่ๆ (กินนมตราหมี (ของแท้) เลยโตเร็ว) และออกหากินพร้อมแม่ของมัน

เมื่อหิมะละลาย หญ้าจะงอกงามอีกครั้ง โดยเฉพาะตามเนินเขาจะกลายเป็นทุ่งหญ้าเขียวชอุ่ม สัตว์ภูเขาอย่างชามัวร์ (Chamois) และไอเบกซ์ (Ibex) จะลงมาหากิน
ชามัวร์เป็นสัตว์ตระกูลเดียวกับแพะ ขนาดเท่ากับแพะตัวเขื่อง แต่มีรูปร่างหน้าตาคล้ายกาเซลผสมกับแพะ ชามัวร์เป็นนักปีนเขาตัวฉกาจ และสามารถกระโดดได้ไกลกว่า 20 ฟุต สัตว์ชนิดนี้มีขนสีน้ำตาลในฤดูร้อน และจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลอมดำในฤดูหนาว หนังของชามัวร์นุ่มมากจึงเป็นที่ต้องการของนักล่าสัตว์
สำหรับไอเบกซ์นั้นบางครั้งถูกเรียกว่าแพะป่า ในอดีตพวกมันมีอยู่ทั่วไปในยุโรป ตั้งแต่คาบสมุทร ไอบีเรีย ถึงออสเตรีย การล่าเพื่อเอาเนื้อและหนัง ทำให้พวกมันลดจำนวนลง ไอเบ็กซ์ตัวผู้มีเขายาวโค้งขนาดใหญ่ และมีวงปีบอกอายุที่เขา ในฤดูผสมพันธุ์ตัวผู้จะพุ่งชนกันเพื่อแย่งตัวเมีย ไอเบ็กซ์ตัวเมียตกลูกครั้งละหนึ่งถึงสองตัว พวกมันจะรวมกลุ่มเลี้ยงลูกเป็นฝูง


บนภูเขา การกำจัดซากสัตว์ดูเหมือนไม่ใช่งานที่ง่ายนัก แต่แร้งยุโรปสามารถทำหน้าที่ได้เป็นอย่างดี พวกมันมีคอที่ยาวและปราศจากขน เพื่อป้องกันไม่ให้เปื้อนเลือด แร้งยุโรปเป็นนกตระกูลเดียวกับ พวกเหยี่ยวเหมือนแร้งในอาฟริกาและเอเซีย ในขณะที่แร้งคอนดอร์ (Condor) ของทวีปอเมริกา วิวัฒนาการมาจากนกกระสา พวกแร้งจะกินเฉพาะซากสัตว์ มีบางครั้งที่พวกมันอาจโจมตีสัตว์ที่อ่อนแอบ้าง การที่ซากถูกกำจัดอย่างหมดจดจะช่วยลดการขยายจำนวนของแมลงวัน และส่งผลดีในการป้องกันโรคระบาด นอกจากแร้งยุโรปแล้ว
ยังมีแร้งอีกชนิดที่หายากกว่า พวกมันคือแร้งเคราขาว ในอดีตพวกมันมีอยู่ทั่วไปในเทือกเขาแอลป์ จนกลายเป็นสัญลักษณ์ของที่นี่ ต่อมาการล่าสัตว์และการทำลายที่อยู่อาศัย ทำให้พวกมันตกอยู่ในภาวะใกล้สูญพันธุ์ โชคดีที่ได้มีการนำพวกมัน กลับคืนสู่ธรรมชาติอีกครั้ง นกเหล่านี้มีอาหารหลัก คือ กระดูกสัตว์ พวกมันสามารถย่อยกระดูกได้เป็นอย่างดี


อินทรีสีทอง เป็นนกนักล่าที่น่าเกรงขามที่สุดของยุโรป ในสมัยก่อนจักรวรรดิโรมัน นำมันไปเป็นสัญลักษณ์ของกองทหาร อินทรีเหล่านี้พบได้ทั่วไปทั้งในยุโรปและเอเซียกลาง นกชนิดนี้ถูกใช้เป็นนกล่าสัตว์ของชนพื้นเมืองในเอเซียกลาง อินทรีสีทองทำรังตามชะง่อนผา มันวางไข่ปีละสองฟอง พ่อนก และแม่นก จะช่วยกันหาอาหารและเลี้ยงลูก อินทรีสีทองล่าเหยื่อจำพวก อ้น กระต่ายป่า นก รวมทั้งลูกสุนัขจิ้งจอก และลูกแพะป่า ถ้าเหยื่อมีขนาดใหญ่ พวกมันมักจู่โจมที่หัวของเหยื่อก่อน
ปัจจุบัน อินทรีสีทองประสบปัญหาเดียวกับนกล่าเหยื่ออื่นๆ นั่นคือการใช้ยาฆ่าแมลง ทำให้เหยื่อของมันมีสารตกค้าง และสารเหล่านี้ทำให้เปลือกไข่ของพวกมันอ่อนตัว ทำให้ลูกนกตายตั้งแต่ก่อนฟักตัว

ฤดูใบไม้ร่วงเป็นฤดูที่เหล่าสัตว์ จะเตรียมตัวรับฤดูหนาวที่จะมาถึง เมื่อย่างเข้าฤดูหนาว สัตว์จำพวกกระรอกจะจำศีลอยู่ในโพรงของมัน เช่นเดียวกับพวกหมี ที่จะนอนตลอดฤดู หิมะที่ตกหนาขึ้น ทำให้อาหารหาได้ยากลำบาก
ในราวป่าอันเต็มไปด้วยหิมะ แมวลิงซ์ออกล่าสัตว์ตามลำพัง แมวป่าพันธุ์นี้เป็นแมวที่ใหญ่ที่สุดในทวีปยุโรป โดยมีขนาดเท่าๆ กับสุนัขขนาดกลาง แม้จะมีหน้าตาคล้ายแมวป่า แต่ลิงซ์มีลูกตาดำกลม เหมือนพวกเสือและสิงโต อาหารหลักของลิงซ์ คือ กระต่าย และไก่ป่า บางครั้งอาจขโมยสัตว์เลี้ยงของมนุษย์ และเป็นสาเหตุให้พวกมันถูกล่า จนปัจจุบันแทบจะสูญพันธุ์

เมื่อหิมะตกหนักยิ่งขึ้น บรรดาพืชพันธุ์ก็ลดน้อยลง ความทารุณของอากาศทวีขึ้นตามลำดับ เหล่าสัตว์ป่าต่างต้องดิ้นรน เพื่อให้ตนเองอยู่รอดตามวิถีของตน ชีวิตใดที่อ่อนแอก็ต้องจบชีพลง แต่ตัวใดที่แข็งแรงก็จะมีชีวิตอยู่รอดพ้นจากฤดูกาลนี้ได้ และเมื่อฤดูหนาวผ่านพ้นไป หิมะและน้ำแข็งจะละลาย และกลายเป็นสายน้ำ ความสมบูรณ์จะคืนมาอีกครั้งเหมือนบำเหน็จแก่ผู้รอดชีวิต และนี่ก็คือเรื่องราวของตำนานที่มีชีวิตบนเทือกเขาแห่งนี้ สิ่งเหล่านี้จะดำเนินต่อไปเป็นวัฏจักรแห่งชีวิต ตราบเท่าที่ขุนเขาแห่งนี้ยังคงมีผืนป่าหลงเหลืออยู่
แหล่งที่มาข้อมูล : http://www.komkid.com

ศาลเกาหลี ตัดสิน Apple Samsung ละเมิดสิทธิบัตรทั้งคู่ โดนปรับและแบนห้ามขายสินค้าดัง 5 รุ่น!!


มีรายงานจากเว็บไซต์ Gizmodo เมื่อวันที่ 22 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งทำให้ชาวเกาหลีใต้ที่คิดจะซื้อ iPhone , iPad และ Samsung บางรุ่นได้รับผลกระทบด้วย เมื่อศาลในประเทศเกาหลีใต้ได้ตัดสินคดีสิทธิบัตร ระหว่าง Apple และ Samsung ว่าทั้ง 2 แบรนด์ละเมิดสิทธิบัตรทั้งคู่
โดย Apple ละเมิดถึง 2 อย่าง ที่เป็นเกี่ยวกับเทคโนโลยีของ Samsung   ในขณะเดียวกัน Samsung ละเมิดสิทธิบัตรการออกแบบของ Apple รวมถึงไอคอนบางตัวด้วย ที่คล้ายคลึงกับผลิตภัณฑ์ของทาง Apple
โดยทั้ง 2 บริษัทถูกสั่งปรับค่าเสียหายซึ่งกันและกันโดย Apple  โดนจ่าย 17650 เหรียญสหรัฐ และ Samsung โดนจ่าย 22000 เหรียญสหรัฐ  และโดนสั่งห้ามขายสินค้าที่อยู่ในคดีละเมิดสิทธิบัตร ภายในประเทศเกาหลีใต้ถึง 5 รุ่น ได้แก่ iPhone4 และ iPad2 จาก Apple กับ  Samsung Galaxy S2 , Galaxy Nexus และ Samsung Galaxy Tab 10.1 จาก Samsung
แหล่งที่มาข้อมูล : http://www.it24hrs.com

วันอังคารที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2555

แก้ไขข้อผิดพลาด เพื่อการออกกำลังกายที่ได้ผล


 คนส่วนใหญ่ที่หยุดหรือล้มเลิกความตั้งใจในการออกกำลังกาย มักจะมีเหตุผลหลักๆ คือไม่มีเวลา หรือไม่ได้ผลตามที่ต้องการ โดยสาเหตุข้อหลังมักเกิดจากข้อผิดพลาดในการออกกำลังกาย ทั้งที่ถ้าเราเข้าใจแล้วค่อยๆ ปรับเปลี่ยน รวมถึงพยายามหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้น เราก็จะออกกำลังกายอย่างได้ผลตามที่ต้องการ
     โยข้อผิดพลาดที่ทำให้การออกกำลังกายไม่ได้ผลตามเป้าหมาย ซึ่งเราต้องแก้ไขมักเกิดขึ้นจากสาเหตุเหล่านี้
     เน้นในเรื่องปริมาณมากกว่าคุณภาพ – เช่น บางคนที่ไปออกกำลังกายในสถานออกกำลังกาย ซึ่งมีอุปกรณ์ให้เลือกมากมาย ก็มักจะพยายามใช้อุปกรณ์ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะใช้ได้ โดยไม่คำนึงถึงคุณภาพในการฝึกว่า อุปกรณ์ที่ใช้จะได้ผลกับส่วนไหนของร่างกาย และฝึกโดยใช้ความหนักที่เหมาะสมหรือไม่ เช่น บางคนต้องการยกน้ำหนักให้ได้จำนวนครั้งมากๆ แต่กลับใช้น้ำหนักน้อยจนเกินไปจนไม่ได้ผล หรือบางคนใจร้อนอยากให้ได้ผลไวๆ ก็ใส่น้ำหนักจนมากเกินและก่อให้เกิดการบาดเจ็บ เป็นต้น ซึ่งวิธีการแก้ไขข้อผิดพลาดนี้ก็คือการเลือกใช้อุปกรณ์หรือชนิดของการออกกำลังกายที่ชอบไม่กี่ชนิดและทำอย่างเหมาะสม เช่น ถ้าต้องการออกกำลังกายเพื่อสร้างกล้ามเนื้อ หรือเพิ่มมวลกล้ามเนื้อให้มากขึ้น อาจจะใช้อุปกรณ์ประมาณ 4-6 เครื่องในแต่ละครั้ง หรือในคนที่มีเป้าหมายเพื่อลดน้ำหนักตัว กระชับกล้ามเนื้อ และสร้างความแข็งแรงให้กับร่างกาย อาจจะใช้ประมาณ 8-10 เครื่องหรือท่า ในการฝึกแต่ละครั้งก็เพียงพอ ส่วนการออกกำลังกายเพื่อบริหารหัวใจและปอด รวมถึงการลดน้ำหนัก อาจเข้าร่วมฝึกในคลาสแอโรบิกที่ชอบ หรือเลือกเครื่องออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอเพียงหนึ่งหรือสองเครื่อง แล้วออกกำลังกายให้ได้ตามที่กำหนดในแต่ละครั้ง ซึ่งจะเห็นผลดีกว่าพยายามใช้อุปกรณ์หลายๆ อย่าง แต่ไม่มีความเหมาะสม
     * ไม่เจ็บไม่ได้ผล – อาการเจ็บจากการออกกำลังกายอาจจะเกิดขึ้นได้กับทุกคนในช่วงเริ่มต้น แต่ไม่ได้หมายความว่าจะต้องให้รู้สึกเจ็บทุกครั้ง หรือถ้าไม่รู้สึกเจ็บแสดงว่าฝึกน้อยหรือใช้ความหนักน้อยเกินไป เพราะเมื่อมีการใช้หรือฝึกกล้ามเนื้ออย่างต่อเนื่อง อาการเจ็บนั้นก็จะค่อยๆ ลดลง โดยที่การเปลี่ยนแปลงพัฒนาของกล้ามเนื้อจากการฝึกยังคงมีอยู่ต่อไป แต่ถ้าอาการเจ็บนั้นยังไม่ลดลงหรือเจ็บมากขึ้นกว่าเดิม ทั้งที่ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงความหนักในการฝึก ก็ควรหยุดพักการออกกำลังกายไปก่อน เพราะอาการเจ็บที่เกิดขึ้นนั้น อาจเนื่องมาจากการฝึกที่มากจนเกินไปหรือมีระยะเวลาพักไม่เพียงพอเป็นลักษณะที่เรียกว่า overuse injury หรืออาจเกิดการบาดเจ็บที่กล้ามเนื้อ เอ็น และกระดูก ซึ่งต้องปรึกษาแพทย์ทันทีเพื่อหาสาเหตุที่แน่นอนและได้รับการรักษาที่ถูกต้อง เพราะถ้าทนฝึกต่อไป อาจทำให้เกิดการบาดเจ็บแบบเรื้อรัง ซึ่งจะรักษาได้ยากขึ้น และนำไปสู่การล้มเลิกออกกำลังกายในที่สุด

      * ออกกำลังกายด้วยรูปแบบหรือเครื่องเดิมๆ ตลอดเวลา - คนส่วนใหญ่คิดว่าการออกกำลังกายในรูปแบบและโปรแกรมเดิมซ้ำกันตลอดเวลาจะทำให้ร่างกายแข็งแรงขึ้น หรือลดน้ำหนักลงได้อย่างต่อเนื่อง แต่ในความเป็นจริงแล้ว ถ้าต้องการให้ร่างกายเกิดการพัฒนา ไม่ว่าจะในเรื่องของการลดน้ำหนักหรือสร้างความแข็งแรงให้กับร่างกาย ควรจะต้องมีการปรับเปลี่ยนหมุนเวียนการใช้อุปกรณ์และโปรแกรมการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพราะการใช้รูปแบบหรือโปรแกรมเดิมซ้ำกันอยู่ตลอดเวลา จะได้ประโยชน์ในด้านของการคงระดับความฟิต หรือรักษาน้ำหนักตัวให้คงที่เท่านั้น แต่จะไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงหรือมีพัฒนาการในแบบที่ต้องการ ซึ่งอาจจะทำให้เกิดความรู้สึกว่าออกกำลังกายอย่างเต็มที่แล้ว แต่ไม่ได้ผลตามเป้าหมายที่ต้องการเลย หรือได้ผลน้อยและช้ามาก ดังนั้นเมื่อรู้สึกว่าเราสามารถทำได้ไม่ยากเหมือนอย่างในช่วงแรกแล้ว ก็ควรมีการปรับเปลี่ยนโปรแกรม โดยสามารถเพิ่มระยะเวลา ความถี่ เพิ่มอุปกรณ์ และความหนักให้มากขึ้นตามลำดับและความเหมาะสม ที่สำคัญการปรับเปลี่ยนโปรแกรมอยู่ตลอดเวลาจะช่วยหลีกเลี่ยงและลดความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บ จากการต้องใช้ข้อต่อและกล้ามเนื้อกลุ่มเดิมๆ ซ้ำกันอยู่ตลอดเวลา รวมถึงช่วยลดความน่าเบื่อของการออกกำลังกายลงได้ด้วย
     * เทคนิคการออกกำลังกายไม่ถูกต้อง – บางคนอาศัยดูแล้วจำวิธีการใช้เครื่องจากคนรอบข้าง หรือเห็นคนอื่นทำแล้วลองทำตามดูบ้าง หรืออาจอ่านเจอจากแมกกาซีน ดูจากในทีวี และยูทูบแล้วก็ลองทำตาม ซึ่งเมื่อทำแล้วอาจจะไม่ได้ผลอย่างที่ต้องการหรือตามที่เห็น ดังนั้นจึงควรให้ผู้ที่รู้เทคนิควิธีการออกกำลังกายที่ถูกต้อง หรือผู้เชี่ยวชาญอย่างครูฝึกสอน ชี้แนะว่า ควรมีการจับและการเคลื่อนไหวอย่างไร นอกจากนี้ยังต้องมีการปรับอุปกรณ์ที่ใช้ในการออกกำลังกายให้เหมาะสม เช่นเดียวกับการปรับเบาะที่นั่งคนขับรถยนต์ เพราะถ้าปรับไม่เหมาะสมก็จะทำให้เกิดอาการปวดเมื่อยและบาดเจ็บขึ้นได้ รวมถึงอาจจะไม่ได้ใช้กล้ามเนื้อที่ต้องการฝึก เลยทำให้รู้สึกว่าการใช้เครื่องนั้นไม่มีประโยชน์ เช่น ถ้าต้องการออกกำลังกล้ามเนื้อหน้าอกให้ใหญ่และแข็งแรงด้วยการใช้เครื่อง chest press แต่ปรับเบาะที่นั่งของเครื่องนี้ต่ำเกินไป ทำให้ตัวมือจับอยู่สูงที่ระดับหัวไหล่ แทนที่จะอยู่ในระดับหน้าอก ทำให้เกิดการใช้กล้ามเนื้อหัวไหล่แทนการใช้กล้ามเนื้อหน้าอก เป็นต้น เทคนิคจึงเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม ไม่ว่าจะออกกำลังกายประเภทไหน
     * ไม่มีการอบอุ่นร่างกายก่อน และไม่มีการทำคูลดาวน์หลังออกกำลังกาย - การใช้เวลาเพียง 5–10 นาทีทั้งก่อนและหลังการออกกำลงกายเป็นสิ่งที่จำเป็นและสำคัญ โดยการอบอุ่นร่างกายก่อนออกกำลังกายนั้นมีเป้าหมายที่สำคัญคือ ช่วยให้ร่างกายพร้อมและลดความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บที่อาจเกิดขึ้นในขณะออกกำลังกายได้ แต่บางคนก็อบอุ่นร่างกายโดยไม่เหมาะสม เช่น ใช้วิธีวิ่ง ทั้งๆ ที่กล้ามเนื้อ เอ็น หรือข้อต่อยังเย็นอยู่ ซึ่งอาจจะทำให้เกิดการฉีกขาดและบาดเจ็บได้ หรือวิ่งไปได้สักครู่จะรู้สึกว่ามีอาการปวดเมื่อยที่กล้ามเนื้อบริเวณขาและน่องค่อนข้างมาก เนื่องจากมีการสะสมของกรดแลคติกในกล้ามเนื้อสูง ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการปวดหรือเจ็บที่กล้ามเนื้อที่ใช้ในการฝึก ดังนั้นควรได้รับคำแนะนำจากผู้รู้เกี่ยวกับการวอร์มอัพและคูลดาวน์ที่ถูกต้อง
     * ตั้งเป้าหมายสูงเกินไป – การตั้งเป้าหมายที่ไม่สามารถทำได้จริง นอกจากเป็นการหลอกตัวเองแล้ว ยังเป็นการทำลายความตั้งใจของตัวเองด้วย เช่น คนที่ตั้งเป้าหมายว่าจะต้องลดน้ำหนักลงให้ได้ 10 กิโลกรัมภายในหนึ่งเดือน ทั้งๆ ที่โดยปกติแล้ว การออกกำลังกายจะสามารถช่วยลดน้ำหนักตัวลงได้อย่างเหมาะสมที่ประมาณ 0.5-1 กิโลกรัมต่อสัปดาห์ ดังนั้นในหนึ่งเดือนจะสามารถลดน้ำหนักตัวลงได้ประมาณ 2-4 กิโลกรัมต่อเดือนเท่านั้น (อาจมากหรือน้อยกว่านี้ได้ขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่นๆ ด้วย เช่นการรับประทานอาหารที่เหมาะสม เป็นต้น) เราจึงควรตั้งเป้าหมายที่เหมาะสม เพื่อทำให้เรามีแรงบันดาลใจที่จะออกกำลังกายต่อไปจนบรรลุเป้าหมายที่ต้องการได้ในที่สุด

แหล่งที่มาข้อมูล : http://www.healthtodaythailand.com/

กินปลาทูสู้โรคหัวใจ - บำรุงสมอง

ลดการอักเสบพร้อมปรับสมดุลระดับเลือดในร่างกายให้เป็นปกติ
ในปัจจุบันนี้ ผู้คนต้องทำงานหนัก ทำให้เกิดภาวะเครียด ขณะที่บางคนรับประทานอาหารแต่ละมื้อไม่ครบ 5 หมู่ ประกอบกับมลพิษที่อยู่ในอากาศ เกิดอนุมูลอิสระขึ้นในร่างกาย ส่งผลให้เกิดโรคต่างๆ มากขึ้นกว่าในอดีต

ดังนั้น วิตามินและอาหารเสริมจึงเริ่มเข้ามามีบทบาทกับชีวิต โดยเฉพาะโอเมก้า 3 ที่มีอยู่ในน้ำมันปลาที่หลายๆ คนรู้จัก

เนื่องจากโอเมก้า 3 เป็นไขมันประเภทไม่อิ่มตัว มีประโยชน์ในเรื่องลดอัตราการตายจากโรคหัวใจและโรคหลอดเลือดตีบ และยังลดคอเลสเตอรอล ไตรกลีเซอไรด์ ตลอดถึงยังลดความหนืดของเลือด ลดการอักเสบ รวมทั้งสร้างความสมดุลและปรับระดับเลือดในร่างกายให้อยู่ในภาวะปกติได้

แต่ปัญหาก็คือสารอาหารเหล่านี้มีอยู่ในปลาทะเลน้ำลึก ซึ่งเป็นปลาที่อยู่ในเขตหนาว อย่างปลาแซลมอน ปลาเม็คเคเรล ทำให้ราคาของปลาเหล่านี้เมื่อนำมาจำหน่ายในเมืองไทยมีราคาค่อนข้างสูงอย่างไรก็ตาม ปัญหานี้ย่อมมีทางแก้

ศ.นพ.ปิติ พลังวชิรา ให้คำแนะนำว่า 
ศ.นพ.ปิติ พลังวชิรา ผอ.ศูนย์โรคผิวหนัง คณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) ผู้เชี่ยวชาญด้าน Antiaging Medicine ให้คำแนะนำว่า เมื่อปลาเหล่านี้มีราคาแพง

จึงอยากแนะนำให้คนไทยรับประทานปลาทู และปลากระพง ทดแทน เพราะในปลาทูจะมีสารโอเมก้า 3 ค่อนข้างมาก ราคาไม่แพง

โดยในเนื้อปลาทู 100 กรัมมีสารโอเมก้า 3 ประมาณ 2-3 กรัม ซึ่งปกติในหนึ่งวันร่างกายต้องการโอเมก้า 3 ประมาณวันละ 3 กรัมต่อวัน

อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ที่จะรับประทานอาหารเสริมอย่างน้ำมันปลาซึ่งมีโอเมก้า 3 นั้น ต้องได้รับการตรวจเช็กจากแพทย์ก่อนว่าร่างกายขาดโอเมก้า 3 หรือไม่ เพราะบางคนไม่จำเป็นต้องซื้อน้ำมันปลามารับประทานเพราะร่างกายได้รับสารโอเมก้า 3 เพียงพอแล้ว จะเป็นการสิ้นเปลืองเงินโดยไม่จำเป็น แต่สำหรับคนที่ไม่เดือดร้อนทางการเงินก็สามารถหาซื้อน้ำมันปลารับประทานได้

"การบริโภคอาหารของคนในปัจจุบันนี้
ส่วนใหญ่รับประทานโอเมก้า 6 มากกว่าโอเมก้า 3 ซึ่งโอเมก้า 6 นั้นมีอยู่ในน้ำมันพืชชนิดต่างๆ และยังมีอยู่ในไข่ การรับประทานโอเมก้า 6 มากกว่าโอเมก้า 3 ทำให้ร่างกายขาดความสมดุล ส่งผลให้ร่างกายเกิดการอักเสบขึ้นในระบบต่างๆ ภายในร่างกาย

ทำให้เกิดเป็นโรคไขข้ออักเสบ เบาหวาน เกิดการอักเสบขึ้นในสมองและในที่สุดจะเป็นอัลไซเมอร์ได้"

"อย่างไรก็ตามในบางคนที่อยากมีคุณภาพชีวิตที่ดีควรจะหาอาหารที่ประกอบด้วยโอเมก้า 3 และหาน้ำมันปลารับประทานได้ตั้งแต่ในวัยเด็ก ซึ่งเป็นวัยแห่งการเจริญเติบโตและที่สำคัญในวัยนี้โอเมก้า 3จะช่วยบำรุงสมอง จนถึงวัยสูงอายุที่ร่ายกายเริ่มเสื่อมสภาพโอเมก้า 3 ก็ช่วยปรับสมดุลให้คุณภาพชีวิตดีขึ้นได้" ศ.นพ.ปิติแนะนำ


แหล่งที่มาข้อมูล :  http://variety.teenee.com/foodforbrain

วันอาทิตย์ที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ประเภทของป่า


ป่าไม้ในประเทศไทย แบ่งเป็น 2 ประเภท คือ

ป่าดงดิบหรือป่าไม่ผลัดใบ (Evergeen forest)
 
 เป็นระบบนิเวศน์ของป่าไม้ชนิดที่ประกอบด้วยพันธุ์ไม้ชนิดไม่ผลัดใบคือมีใบเขียวตลอดเวลา แบ่งออกเป็น 4 ชนิด คือ

1. ป่าดิบเมืองร้อน (Tropical evergreen forest)
เป็นป่าที่อยู่ในเขตลมมรสุมพัดผ่านเกือบตลอดปี มีปริมาณน้ำฝนมาก แบ่งออกเป็น :
1.1 ป่าดงดิบชื้น (Tropical rain forest)
ป่าดงดิบชื้นในประเทศไทยมีการกระจายส่วนใหญ่อยู่ทางภาคใต้และภาคตะวันออกของประเทศ อาจพบในภาคอื่นบ้าง แต่มักมีลักษณะโครงสร้างที่เป็นสังคมย่อยของสังคมป่าชนิดนี้ ป่าดงดิบชื้นขึ้นอยู่ในที่ราบรือบนภูเขาที่ระดับความสูงไม่เกิน 600 เมตรจากระดับน้ำทะเล ในภาคใต้พบได้ตั้งแต่ตอนล่างของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ลงไปจนถึงชายเขตแดน ส่วนทางภาคตะวันออกพบในจังหวัดตราด จันทบุรี ระยอง และบางส่วนของจังหวัดชลบุรี (อุทิศ, 2541)
1.2 ป่าดงดิบแล้ง (Dry evergreen forest)
ป่าดงดิบแล้งของเมืองไทยพบกระจายตั้งแต่ตอนบนของทิวเขาถนนธงชัยจากจังหวัดชุมพรขึ้นมาทางเหนือ ปกคลุมลาดเขาทางทิศตะวันตกของทิวเขาตะนาวศรีไปจนถึงจังหวัดเชียงราย ส่วนซีกตะวันออกของประเทศปกคลุมตั้งแต่ทิวเขาภูพานต่อลงมามาถึงทิวเขาบรรทัด ทิวเขาพนมดงรักลงไปจนถึงจังหวัดระยองขึ้นไปตามทิวเขาดงพญาเย็น ทิวเขาเพชรบูรณ์จนถึงจังหวัดเลยและน่าน นอกจากนี้ ยังพบในจังหวัดสกลนคร และทางเหนือของจังหวัดหนองคายเลียบลำน้ำโขงในส่วนที่ติดต่อกับประเทศลาว ป่าชนิดนี้พบตั้งแต่ระดับความสูงจากน้ำทะเลปานกลางประมาณ 100 เมตรขึ้นไปถึง 800 เมตร (อุทิศ, 2541)
rainfrst.gif (59276 bytes)
 
1.3 ป่าดงดิบเขา (Hill evergreen forest)
ป่าดงดิบเขาอาจพบได้ในทุกภาคของประเทศในบริเวณที่เป็นยอดเขาสูง พบตั้งแต่เขาหลวง จ.นครศรีธรรมราช เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง ขึ้นไปจนถึงยอดเขาสูง ๆ ในภาคเหนือ เช่น ยอดดอยอินทนนท์ ดอยปุย และยอดดอยอื่นๆ ในจังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย และแม่ฮ่องสอน เป็นต้น ส่วนทางภาคตะวันออกพบได้บนยอดดอยภูหลวง ภูกระดึง ยอดเขาสูงในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เป็นต้น (อุทิศ, 2541)

2. ป่าสน (Coniferous forest)
ป่าชนิดนี้ถือเอาลักษณะโครงสร้างของสังคมเป็นหลักในการจำแนกโดยเฉพาะองค์ประกอบของชนิดพันธุ์ไม้ในสังคมและไม้เด่นนำ อาจเป็นสนสองใบหรือสนสามใบ

namnao1.jpg (26333 bytes)
     

   
3. ป่าพรุหรือป่าบึง (Swamp forest)
พบตามที่ราบลุ่มมีน้ำขังอยู่เสมอ และตามริมฝั่งทะเลที่มีโคลนเลนทั่วๆ ไป แบ่งออกเป็น
3.1 ป่าพรุ (Peat Swamp)
เป็นสังคมป่าที่อยู่ถัดจากบริเวณสังคมป่าชายเลน โดยอาจจะเป็นพื้นที่ลุ่มที่มีการทับถมของซากพืชและอินทรียวัตถุที่ไม่สลายตัว และมีน้ำท่วมขังหรือชื้นแฉะตลอดปี จากรายงานของกองสำรวจดิน กรมพัฒนาที่ดิน (2525) พื้นที่ที่เป็นพรุพบในจังหวัดต่าง ๆ ดังนี้ นราธิวาส 283,350 ไร่ นครศรีธรรมราช 76,875 ไร่ ชุมพร 16,900 ไร่ สงขลา 5,545 ไร่ พัทลุง 2,786 ไร่ ปัตตานี 1,127 ไร่ และตราด 11,980 ไร่ ส่วนจังหวัดที่พบเล็กน้อย ได้แก่ สุราษฎร์ธานี ตรังกระบี่ สตูล ระยอง จันทบุรี เชียงใหม่ (อ.พร้าว) และจังหวัดชายทะเลอื่น ๆ รวมเป็นพื้นที่ 400,000 ไร่ อย่างไรก็ตาม พื้นที่ส่วนใหญ่ถูกบุกรุกทำลายระบายน้ำออกเปลี่ยนแปลงสภาพเป็นสวนมะพร้าว นาข้าว และบ่อเลี้ยงกุ้งเลี้ยงปลา คงเหลือเป็นพื้นที่กว้างใหญ่ในจังหวัดนราธิวาสเท่านั้น คือ พรุโต๊ะแดง ซึ่งยังคงเป็นป่าพรุสมบูรณ์ และพรุบาเจาะ ซึ่งเป็นพรุเสื่อมสภาพแล้ว (ธวัชชัย และชวลิต, 2528)

papru.jpg (78814 bytes)

3.2 ป่าชายเลน (Mangrove swamp forest)
เป็นสังคมป่าไม้บริเวณชายฝQั่งทะเลในจังหวัดทางภาคใต้ กลาง และภาคตะวันออก และมีน้ำขึ้น-น้ำลงอย่างเด่นชัดในรอบวัน


 
4. ป่าชายหาด (Beach forest)
แพร่กระจายอยู่ตามชายฝั่งทะเลที่เป็นดินกรวด ทราย และโขดหิน ดินมีฤทธิ์เป็นด่าง
 
ป่าผลัดใบ (Deciduous Forest)
เป็นระบบนิเวศน์ป่าชนิดที่ประกอบด้วยพันธุ์ไม้ชนิดผลัดใบหรือทิ้งใบเก่าในฤดูแล้ง เพื่อจะแตกใบใหม่เมื่อเข้าฤดูฝน ยกเว้นพืชชั้นล่างจะไม่ผลัดใบ จะพบป่าชนิดนี้ตั้งแต่ระดับความสูง 50-800 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล แบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ
1. ป่าเบญจพรรณ
ลักษณะทั่วไปเป็นป่าโปร่ง พื้นที่ป่าไม้ไม่รกทึบ มีไม้ไผ่ชนิดต่างๆ ขึ้นอยู่มาก มีอยู่ทั่วไปตามภาคต่างๆ ที่เป็นที่ราบ หรือตามเนินเขา พันธุ์ไม้จะผลัดใบในฤดูแล้ง การกระจายของป่าเบญจพรรณในประเทศไทย พบในภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคอีสาน ครอบคลุมต่ำลงไปจนถึงจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ตอนบน มีปรากฏที่ระดับความสูงตั้งแต่ 50 เมตร ถึง 800 เมตร หรือสุงกว่านี้ในบางจุด
 
2. ป่าแดง ป่าแพะ หรือป่าเต็งรัง
พบขึ้นสลับกับป่าเบญจพรรณ ลักษณะเป็นป่าโปร่ง มีต้นไม้ขนาดเล็ก และขนาดกลาง ไม้เด่นอันเป็นไม้ดัชนีประกอบด้วยไม้ในวงศ์ยาง ฤดูแล้งจะผลัดใบ และมีไฟป่าเป็นประจำ ป่าเต็งรังมีถิ่นกระจายโดยกว้างๆ ซ้อนทับกันอยู่กับป่าเบญจพรรณ แต่อาจแคบกว่าเล็กน้อยทั้งนี้เนื่องจากมีปัจจัยกำหนดที่เกี่ยวข้องกับความแห้งแล้ง มีปรากฏตั้งแต่จังหวัดเพชรบุรีขึ้นไปจนถึงเหนือสุดในจังหวัดเชียงราย ป่าชนิดนี้เป็นสังคมพืชเด่นในทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ส่วนใหญ่ปรากฏสลับกันไปกับป่าเบญจพรรณ ในพื้นที่ที่มีความแห้งแล้งจัด กักก็บน้ำได้เลว เช่น บนสันเนิน พื้นที่ราบที่เป็นทรายจัด หรือบนดินลูกรังที่มีชั้นของลูกรังตื้น ตั้งแต่ระดับความสูงจากระดับน้ำทะเล 50-1,000 เมตร

3. ป่าหญ้า
เกิดจากการทำลายสภาพป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์ ดินมีความเสื่อมโทรม มีฤทธิ์เป็นกรด ต้นไม้ไม่สามารถเจริญเติบโตได้ จึงมีหญ้าต่างๆ เข้าไปแทนที่ แพร่กระจายทั่วประเทศในบริเวณที่ป่าถูกทำลายและเกิดไฟป่าเป็นประจำทุกปี

teng.jpg (459497 bytes)


แหล่งที่มาข้อมูล : http://www.dnp.go.th

วันเสาร์ที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2555

พายุโซนร้อนไคตั๊ก


พายุโซนร้อนไคตั๊กทวีกำลังกลายเป็นพายุไต้ฝุ่นอีกครั้ง และกำลังเคลื่อนตัวผ่านทะเลจีนใต้ ขณะมุ่งหน้าเข้าโจมตีมณฑลกวางตุ้งของจีน หลังพัดถล่มฟิลิปปินส์มาแล้ว


ภาพ: NASA


หลังเคลื่อนตัวออกจากฟิลิปปินส์วานนี้ พายุไต้ฝุ่นไคตั๊กกำลังเคลื่อนตัวอยู่ในทะเลจีนใต้ ห่างจากเมืองเจ้อเจียง มณฑลกวางตุ้งไปทางตะวันออกเฉียงใต้ราว 600 กิโลเมตร มีแนวโน้มจะเคลื่อนตัวไปทางตะวันตกเฉียงเหนือด้วยความเร็ว 25 กิโลเมตร/ชั่วโมง

ทั้งนี้ ดูเหมือนพายุจะทวีกำลังแรงขึ้นทุกขณะ เนื่องจากได้รับอิทธิพลจากกระแสน้ำอุ่นในทะเลจีนใต้ จนทางการฮ่องกงต้องประกาศเตือนภัยแล้ว คาดว่าจุดที่พายุขึ้นฝั่งจะอยู่ในบริเวณระหว่างเมืองไถ้ชานกับเขตซู่เหวินในเช้าวันนี้ ทางการสั่งปิดช่องแคบเฉียงโจว ซึ่งอยู่ระหว่างคาบสมุทรเหล่ยโจวของมณฑลกวางตุ้งกับเกาะไหหลำทันที รวมทั้งปิดบริการรถไฟที่ข้ามช่องแคบด้วย คาดว่าจะทำให้พื้นที่ชายฝั่งทะเลตอนใต้ของจีน ซึ่งรวมถึงฮ่องกง

นอกจากนี้ ทางการจีนยังประกาศให้เรือประมงกลับเข้าฝั่งและให้ผู้คนเสริมโครงสร้างบ้านเรือนให้แข็งแรง คาดกันว่าอิทธิพลของพายุไต้ฝุ่นไคตั๊กจะทำให้เกิดคลื่นสูงราว 6-8 เมตรในบริเวณทะเลจีนใต้และชายฝั่งกวางตุ้ง ด้านเกาะฮ่องกงได้ออกประกาศการเฝ้าระวังไต้ฝุ่นไคตั๊กเช่นกัน และเชื่อว่าจะไม่ส่งผลกระทบรุนแรงใดๆ กับเกาะฮ่องกง จะมีก็เพียงลมกระโชกแรง คลื่นจัด และฝนตกหนัก ในระหว่างที่พายุไต้ฝุ่นไคตั๊กเคลื่อนตัวผ่านไปเท่านั้น

เกาะฮ่องกงเตรียมพร้อมรับมือพายุโซนร้อนไคตั๊ก ที่คาดว่าจะขึ้นฝั่งเกาะฮ่องกงในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้านี้ โดยคาดว่าพายุลูกนี้จะทวีกำลังแรงขึ้นจนกลายเป็นพายุไต้ฝุ่นเมื่อขึ้นฝั่งเกาะฮ่องกง

ไคตั๊กซึ่งนับเป็นพายุโซนร้อนลูกที่ 13 ในรอบปีนี้ยังส่อเค้าจะถล่มพื้นที่บริเวณตอนใต้ของจีนด้วย โดยขณะนี้มณฑลกวางตุ้งได้ออกประกาศเตือนภัยในระดับ 3 แล้ว พายุลูกนี้ยังจะเตรียมเข้าถล่มพื้นที่ทางตอนใต้ของเกาะไต้หวันก่อนจะเข้าถล่มจีนบริเวณมณฑลกวางตุ้งและฝูเจี้ยน คาดว่าบริเวณสามเหลี่ยมปากแม่น้ำไข่มุกในมณฑลกวางตุ้งจะเกิดฝนกระหน่ำอย่างรุนแรง

ขณะนี้ทางการต้องเรียกเรือประมงกลับเข้าฝั่ง พร้อมเสริมสร้างอาคารบ้านเรือนให้แข็งแรงและอพยพคนงานตามแท่นขุดเจาะน้ำมันนอกชายฝั่งกลับเข้าสู่ฝั่งเพื่อความปลอดภัย ความเสียหายอย่างหนักในพื้นที่เกษตรกรรมมีผู้เสียชีวิตรวม 4 คน คาดว่าคงต้องใช้เวลาประมาณ 1 สัปดาห์ กว่าประชาชนที่อพยพหนีน้ำท่วมจะกลับเข้าบ้านได้อีกครั้ง

แหล่งที่มาข้อมูล : http://www.matichon.co.th

วันอังคารที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2555

มะกรูด




ชื่อวิทยาศาสตร์ :   Citrus hystrix  DC.

ชื่อสามัญ :   Leech lime, Mauritus papeda

วงศ์ :   Rutaceae

ชื่ออื่น :  มะขุน มะขูด (ภาคเหนือ) มะขู (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน)  ส้มกรูด ส้มมั่วผี (ภาคใต้)

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : ไม้ต้นขนาดเล็ก สูง 2-8 เมตร เปลือกต้นเรียบ สีน้ำตาล มีหนามแหลมตามกิ่งก้าน ใบ เป็นใบประกอบที่มีใบย่อยใบเดี่ยว ออกเรียงสลับ ปลายใบและโคนใบมน ขอบใบเรียบ แผ่นใบเรียบเป็นมันสีเขียวเข้ม มีต่อมน้ำมันอยู่ตามผิวใบ มีกลิ่นหอมเฉพาะ ก้านใบมีปีกดูคล้ายใบ ดอก ออกเป็นช่อตามซอกใบที่ปลายกิ่ง ดอกสีขาว กลีบเลี้ยงมี 5 กลีบ กลีบดอกมี 5 แฉก โคนกลีบดอกติดกัน ผล เป็นรูปทรงกลมหรือรูปไข่ โคนผลเรียวเป็นจุก ผิวขรุขระ มีต่อมน้ำมัน ผลอ่อนสีเขียวแก่ สุกเป็นสีเหลือง มีรสเปรี้ยว เมล็ดกลมรี สีขาว มีหลายเมล็ด
ส่วนที่ใช้ :  ราก ใบ ผล ผิวจากผล

สรรพคุณ :

ราก -  กระทุ้งพิษ แก้ฝีภายในและแก้เสมหะเป็นพิษ

ใบ - มีน้ำมันหอมระเหย

ผล, น้ำคั้นจากผล - ใช้แต่งกลิ่น สระผมรักษาชันนะตุ รังแค ทำให้ผมสะอาด

ผิวจากผล
- ปรุงเป็นยาขับลมในลำไส้ แก้แน่น
- เป็นยาบำรุงหัวใจ

วิธีและปริมาณที่ใช้ :

ใช้เป็นยาบำรุงหัวใจ ขับลมในลำไส้ แก้แน่น แก้เสมหะ
ฝานผิวมะกรูดสดเป็นชิ้นเล็กๆ 1 ช้อนแกง เติมการบูร หรือ พิมเสน 1 หยิบมือ ชงด้วยน้ำเดือด แช่ทิ้งไว้ ดื่มแต่น้ำรับประทาน 1 ถึง 2 ครั้ง แต่ถ้ายังไม่ค่อยทุเลา จะรับประทานติดต่อกัน 2-3 สะรก็ได้

ใช้สระผมทำให้ผมสะอาดชุ่มชื้น เป็นเงางาม ดกดำ ผมลื่นด้วย
โดยผ่ามะกรูดเป็น 2 ชิ้น เมื่อสระผมเสร็จแล้ว เอามะกรูดสระซ้ำ ใช้มะกรูดยีไปบนผม น้ำมะกรูดเป็นกรด จะทำให้ผมสะอาด แล้วล้างผมให้สมุนไพรออกไปให้หมด หรือใช้มะกรูดเผาไฟ นำมาผ่าซีกใช้สระผม จะรักษาชันนะตุ ทำให้ผมสะอาดเป็นมัน

แหล่งที่มาข้อมูล : http://www.rspg.or.th

วันอาทิตย์ที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2555

จับเม้าส์ให้ถูกวิธี ลดอาการปวดเมื่อยและบาดเจ็บเอ็นข้อมือ


เม้าส์ เป็นอุปกรณ์ในการควบคุม และบังคับทิศทางในการใช้งานคอมพิวเตอร์ ทั้งบนพีซี โน๊ตบุ๊กหรือแล็ปท็อปที่ใช้วินโดวส์และแม็ค ซึ่งการใช้งานเม้าส์นั้นสะดวกและคล่องตัวกว่าการใช้งานทัชแพดของโน้ตบุ๊ก แต่ปัญหาที่หลายๆคนประสบเมื่อใช้งานเม้าส์ติดต่อกันนานๆ ก็มักจะมีอาการปวดเมื่อยข้อมือ ไปจนถึงบาดเจ็บเอ็นข้อมือจากการใช้เม้าส์ไม่ถูกวิธี เรามาเรียนรู้วิธีการจับเม้าส์ให้ถูกวิธี ไปจนถึงการเลือกซื้อเม้าส์ให้เหมาะสมกับสรีระของมือเรากันดีกว่า
ภาพจาก http://www.mousearena.com
ภาพจาก http://www.mousearena.com
สำหรับการทำงานของเม้าส์นั้น หลักๆเม้าส์จะมี 2 ปุ่ม คือปุ่มซ้าย และปุ่มขวา ซึ่งปกติ การใช้งานบนวินโดวส์ จะใช้เม้าส์ปุ่มซ้าย สำหรับคนที่ถนัดมือขวา หรือหากใครถนัดมือซ้าย ก็สามารถปรับการทำงานของเม้าส์ได้ (บนวินโดวส์ให้เข้าไปที่เมนู Control Panel > Mouse) จะสามารถตั้งค่าได้ทั้ง TouchPad และเม้าส์) ส่วนปุ่มกลางเป็นล้อสกอลล์เลื่อนหน้าเพจ บางรุ่นอาจจะใช้เลื่อนซ้ายขวาสำหรับการทำเอกสาร Excel แบบแนวนอนได้ด้วย
ในส่วนของ Buttons เราสามารถกำหนดได้ว่า จะให้ปุ่มไหนทำงานเป็นปุ่มหลัก คนที่ถนัดมือขวา (คนส่วนใหญ่) เม้าส์ปุ่มซ้าย จะเป็นปุ่มหลัก อย่างเช่นการกดเลือก หรือกดค้างเพื่อลากแล้ววาง ส่วนคนที่ถนัดมือซ้าย สามารถกำหนดปุ่มขวาให้เป็นปุ่มหลัก ส่วนปุ่มซ้ายเป็นการเข้าเมนูย่อย หรือลากแบบพิเศษ นอกจากนี้เรายังสามารถกำหนดค่าต่างๆของเม้าส์ให้เหมาะสมกับความถนัดของเรา
Double Click Speed ช่วงจังหวะการดับเบิ้ลคลิกของแต่ละคนถนัดไม่เหมือนกัน เราสามารถตั้งค่าความเร็วในการดับเบิ้ลคลิกได้ โดยกำหนดระยะห่างของช่วงเวลาการคลิกในแต่ละครั้ง
Click Lock กำหนดค่าเพื่อให้สามารถลากลูกศรไฮไลท์ตัวอักษรหรือลากโดยไม่ต้องกดปุ่มบนเม้าส์ค้างไว้
การเลือกความละเอียด (DPI) ของเม้าส์ก็สำคัญ
การตั้งค่า Pointer ก็มีผลกับอาการปวดเมื่อยข้อมือเช่นกัน เพราะหากเราเลือกเม้าส์ที่มี DPI สูงๆ (ค่าปกติมักจะใช้เม้าส์ 800DPI) ลูกศรเม้าส์ก็จะวิ่งไวมาก จนตาเราตามแทบไม่ทัน เราสามารถกำหนดความเร็วของลูกศรเม้าส์ได้ หรือหากไม่อยากจะลากเม้าส์บ่อยๆก็เลือก Snap to เพื่อเคลื่อนตำแหน่งลูกศรไปยังปุุ่มบนหน้าต่างของวินโดวส์ โดยที่เราไม่ต้องเลื่อนเม้าส์บ่อยๆ
ส่วน Visibility เป็นลูกเล่นเผื่อใครมองหาลูกศรเม้าส์ไม่เจอ ก็ตั้งให้มีเงาตามลูกศร หรือใครพิมพ์งานบ่อยๆ ก็ตั้งให้ซ่อนลูกศรขณะพิมพ์ เมนูในส่วนนี้เราสามารถปรับให้เหมาะสมกับความถนัดของเราได้
คำแนะนำสำหรับผู้ที่ใช้เม้าส์
ภาพการจับเม้าส์ จาก http://www.help4computerdummy.com
ภาพการจับเม้าส์ จาก http://www.help4computerdummy.com
1. วางเม้าส์ใกล้คีย์บอร์ดและอยู่ในตำแหน่งที่มือเอื้อมถึง – การวางเม้าส์ไกลจนเกินไป จะส่งผลทำให้ปวดเมื่อยไหล่ จากการเอื้อมสุดแขน และอาจจะส่งไปถึงอาการปวดคอด้วย
2. กำหนดพื้นที่วางเม้าส์ให้ถูกต้อง หากคุณใช้โต๊ะวางคอมพิวเตอร์ขนาดเล็ก (เช่น 80 เซ็นติเมตร) อาจจะมีพื้นที่วางคีย์บอร์ด แต่ไม่มีพื้นที่วางเม้าส์ ทำให้ต้องวางไว้เม้าส์บนโต๊ะแทน เป็นสาเหตุให้คุณปวดแขน ปวดไหล่ แถมยังร้าวไปถึงคอได้อีก ควรวางเม้าส์ข้างซ้ายหรือขวา ตามแขนข้างที่ถนัด ใกล้คีย์บอร์ด และอยู่ในองศาที่จับถนัดมือโดยไม่ห่อไหล่ หรือผู้ผลิตอย่าง The Green Case ได้จัดทำผลิตภัณฑ์ที่ช่วยกำหนดพื้นที่ในการวางเม้าส์ และการวางมือให้เหมาะสมดังภาพ
ภาพจาก http://www.behance.net/MikaBecktor/frame/2776341
ภาพจาก http://www.behance.net/MikaBecktor/frame/2776341
3. วางตำแหน่งเม้าส์ให้เหมาะสม หากโต๊ะคอมพิวเตอร์เล็กเกินไป ควรพิจารณาหาแผ่นรองเม้าส์ที่วางข้างคีย์บอร์ดได้ เพื่อให้เม้าส์อยู่ใกล้คีย์บอร์ดให้มากที่สุด หากใช้พีซี เม้าส์ควรจะอยู่ข้างแป้นคีย์บอร์ดข้างๆกับแป้นตัวเลขบนคีย์บอร์ด ควรวางเม้าส์อยู่เยื้องกับแป้นคีย์บอร์ดนิดหน่อย หรือหากถาดวางคีย์บอร์ดสามารถวางเม้าส์ด้านข้างได้ พยายามวางมุมของเม้าส์ให้เหมาะสมกับการวางแขน อย่าวางเม้าส์ข้างคีย์บอร์ดพอดีหรือเลื่อนต่ำกว่าคีย์บอร์ดเพราะจะทำให้องศาการวางมือเราผิดเพี้ยนไป หรือหากใช้โน้ตบุ๊ก ควรวางระยะห่างของโน้ตบุ๊กกับลำตัวเพื่อให้สามารถใช้งานได้สะดวกทั้งแป้นพิมพ์และทัชแพด

4. ปรับแต่งเม้าส์หรือแทร็คบอล จากซอฟต์แวร์ – ผู้ผลิตเม้าส์หลายราย มีซอฟต์แวร์ในการปรับแต่งเม้าส์ หรือทัชแพดมาให้คุณปรับแต่งได้มากกว่าตัวจัดการเม้าส์ของวินโดวส์เอง หากเม้าส์ของคุณมาพร้อมแผ่นไดร์เวอร์ ก็ติดตั้งเพื่อให้ใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพ หรือดาวน์โหลดจากเว็บไซต์ผู้ผลิต
5. ลองพิจารณาเลือกใช้อุปกรณ์ควบคุมการใช้งานลูกศรแทนเม้าส์ เพื่อลดการเคลื่อนไหวของข้อมือและแขน อย่างเช่น แทร็คบอล (Trackball) เป็นอุปกรณ์ช่วยลดการขยับและเคลื่อนไหวหัวไหล่ ลดระยะการบิดไหล่ เพียงแค่ใช้นิ้วและอุ้งมือ ข้อมือ บังคับแทร็คบอล เม้าส์บางรุ่น บางยี่ห้อ ใช้งานคล้ายกับจอยสติ๊ก นอกจากนี้คุณสามารถใช้ทัชแพด หรือเม้าส์ปากกา หรืออุปกรณ์อื่นๆที่ช่วยให้คุณใช้งานได้สะดวกสบายที่สุด หรือแนะนำเม้าส์แห่งอนาคตอย่าง SwiftPoint ซึ่งใช้การจับเหมือนกับการจับปากกา
6. พิจารณาเลือกอุปกรณ์ที่มีขนาดเหมาะสมกับรูปทรงสรีระข้อมือ – เม้าส์ที่จำหน่ายในท้องตลาดจะมีขนาดเล็ก ขนาดใหญ่ ต่างกัน ดังนั้นเราควรพิจารณาเม้าส์ที่เหมาะกับข้อมือของเรา ทดลองจับเม้าส์ตามห้างไอทีต่างๆ หรือมีเม้าส์บางรุ่นที่เป็นมินิเม้าส์แต่สามารถใส่หน้ากากครอบกลายเป็นเม้าส์ใหญ่ หรือเม้าส์ใหญ่ ถอดออกมาเป็นเม้าส์เล็กได้
ตัวช่วยในการเลือกซื้อเม้าส์
หากคุณไม่แน่ใจว่า ควรจะซื้อเม้าส์แบบไหนดี แนะนำให้พิจารณาก่อนว่า งานหลักๆที่คุณใช้นั้น เน้นใช้งานด้านใด เช่น ทำงานเอกสาร ใช้งานอินเทอร์เน็ต โซเชียล เน็ตเวิร์คผ่านบราวเซอร์ เล่นเกมส์บน Facebook หรือเล่นเกมส์ออนไลน์ ออฟไลน์ เพราะการตอบสนองเม้าส์สำหรับงานแต่ละอย่างนั้นไม่เหมือนกัน เรามีตัวช่วยในการพิจารณาการเลือกเม้าส์จากผู้ผลิตเม้าส์เกมอย่าง Razer ได้จัดทำ Razer Mouse Selection Advisor เพื่อช่วยในการเลือกเม้าส์ให้เหมาะสมกับการใช้งานของคุณ
ข้อมูลจาก Healthy Computing Mouse Arena